วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

กก.ค่าจ้างมีมติปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำตามอัตราเงินเฟ้อแต่ละจังหวัด... [news]

จ้างกก.ค่าจ้างมีมติปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำตามอัตราเงินเฟ้อแต่ละจังหวัด
โดย ผู้จัดการออนไลน์     2 พฤษภาคม 2551 15:20 น.
       นายจุฑาธวัช อินทรสุขศรี ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการค่าจ้าง เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการค่าจ้างในวันนี้ ว่า มติของที่ประชุมเห็นพ้องตรงกันว่าการปรับค่าจ้างขั้นต่ำโดย เพิ่ม 9 บาททั่วประเทศ ตามที่กลุ่มผู้ใช้แรงงานเรียกร้องนั้น ทำไม่ได้ เนื่องจากสภาวะเงินเฟ้อของแต่ละจังหวัดไม่เท่าเทียมกัน ทั้งนี้ จังหวัดที่มีการปรับเพิ่มสูงสุดอยู่ที่ตัวเลข 11 บาท คือ จ.เชียงราย ขณะที่จังหวัดที่มีการปรับเพิ่มต่ำสุด คือ 2 บาท มี 3 จังหวัด คือ จ.สุโขทัย อุตรดิตถ์ และชัยภูมิ
        ส่วนกรุงเทพมหานคร และอีก 8 จังหวัด คือ ปทุมธานี นครปฐม สมุทรปราการ สมุทรสาคร นนทบุรี สระบุรี อุบลราชธานี และเชียงใหม่ มีการปรับเพิ่ม 9 บาท ส่วนจังหวัดที่เหลืออีก 63 จังหวัด ปรับขึ้นตามสัดส่วน 7 - 8 บาท อย่างไรก็ตาม อัตราค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิถุนายนนี้ เป็นต้นไป

http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9510000051574

.

ส่วนอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของแต่ละจังหวัด
สามารถดูได้จากเว็บของกระทรวงแรงงาน

http://www.mol.go.th/statistic_01.html

ตารางแสดงอัตราค่าจ้างขั้นต่ำใหม่ ซึ่งได้ประกาศให้มีผลใช้บังคับ
ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๑

ค่าจ้างขั้นต่ำ - พื้นที่

194 - กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี  สมุทรปราการ และสมุทรสาคร
193 - ภูเก็ต
175 - ชลบุรี
170 - สระบุรี
165 - ฉะเชิงเทรา  นครราชสีมา  พระนครศรีอยุธยา  และระยอง

.

ยกมาให้ดู 5 อันดับแรกก็พอ

ผมกำลังงงว่า ตกลงเขาเพิ่งประกาศค่าแรงใหม่ไปเมื่อปีใหม่
แล้วที่เรียกร้องอยู่นี่คือต้องการให้เพิ่มอีกระรอกใช่ไหมครับ...

แล้วที่ตกลงวันนี้ คือจะเพิ่มเข้าไปจากที่ประกาศอยู่แล้วเข้าไปอีก???

.

ในฐานะที่ผมเองก็กินเงินเดือน ไม่ใช่ว่าไม่อยากได้เงินเพิ่ม
แต่อยากให้มองในมุมของผู้ประกอบกิจการกันบ้าง

คิดแบบง่ายๆ เลยนะครับ ด้วยเหตุผลแบบเด็กอนุบาล

ถ้าต้องขึ้นค่าจ้าง ต่อให้แค่คนละ 9 บาท

ดังนั้นค่าจ้างต่อคนต่อเดือน สมมุติทำแบบไม่หยุด ก็จะเป็น 9*30 = 270 บาท
และถ้ามีพนักงานอยู่ซัก 200 คน ก็จะมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นเดือนละ 270*200 = 54,000 บาท

ไม่รวมโอที และเงินพิเศษอื่นๆ...

ค่าใช้จ่ายเฉพาะค่าแรง เพิ่มขึ้น 54,000 บาท
โดยที่รายรับเท่าเดิม หรืออาจจะลดลง
โดยที่ไม่มีอะไรรับประกันว่า ขึ้นค่าจ้างแล้ว จะได้ผลงานและผลผลิตที่ดีขึ้น มากขึ้น

ดังนั้น 9 บาทไม่ใช่เรื่องล้อเล่น...

ในขณะเดียวกัน วัตถุดิบ ก็ขึ้นราคาทุกอย่าง
พนักงาน : ข้าวแกงขึ้นจานละ 5 บาท วันหนึ่ง 3 มื้อ 15 บาท เดือนหนึ่ง 450 บาท
กิจการ : แต่วัตถุดิบ ขึ้นทีละหน่อยก็จริง แต่ด้วยปริมาณการซื้อ ลอตนึง บางทีขึ้นมาเป็นแสน...

งานนี้ใครรับครับ...

ปิดตาปิดหูตอบ ก็ต้องตอบว่าผู้ประกอบการ

เพราะขึ้นค่าแรง ผู้ประกอบการจ่าย
วัตถุดิบขึ้นราคา ผู้ประกอบการจ่าย
เศรษฐกิจตกต่ำขายของตัดราคา ผู้ประกอบการจ่าย

สุดท้ายใครได้อะไร...

สุดท้ายผู้ประกอบการอยู่ไม่ได้.... เจ๊ง ปิดกิจการ
ลูกจ้าง ก็ต้องลอยแพ บ้านใครบ้านมัน...

ลูกจ้าง ได้หางานทำใหม่ต่อไป อย่างมากก็เริ่มต้นที่ 0 ใหม่...
นายจ้าง ได้เป็นหนี้ซักสิบยี่สิบล้าน... โดนฟ้อง โดนทวงหนี้...

.

เศรษฐกิจแบบนี้ ถ้าไม่เจ๋งจริง อย่าคิดทำกิจการครับ...

เจ๊งแล้วปิดอย่างสง่างามไม่ได้ครับ
ต้องจ่ายค่าชดเชยให้ลูกจ้างด้วย...

ถ้าโรงงานที่เพิ่งปิดกิจการไปเมื่อวันก่อนมีโอกาสพูด เขาคงบอกว่า

"ถ้าผมมีเงินจ่ายค่าชดเชย 20 ล้าน ผมไม่ปิดกิจการหรอกครับ..."

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เชิญแสดงความคิดเห็น

15 ตัวอย่างการตลาดที่ผิดพลาดของแบรนด์ใหญ่

1. Hoover: โปรโมชั่น "บินฟรี" ที่ล้มเหลว (1992) ที่มา: Hoover ต้องการกระตุ้นยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ตกต่ำในยุโรป จึงเสนอโปรโมชั่น ...