สภาพของสหภาพโซเวียตก่อนการล่มสลาย (ช่วงปลายทศวรรษ 1980 - 1991)
ก่อนที่ สหภาพโซเวียต (USSR) จะล่มสลายในวันที่ 26 ธันวาคม 1991 ประเทศอยู่ในสภาวะวิกฤติอย่างรุนแรงในหลายด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และความสัมพันธ์ระหว่างชาติสมาชิกของสหภาพ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้สหภาพโซเวียตพังทลายในที่สุด
1. ปัญหาเศรษฐกิจ
เศรษฐกิจของโซเวียตอยู่ในสภาพ ถดถอยรุนแรง ตั้งแต่กลางทศวรรษที่ 1980 เนื่องจากนโยบายวางแผนเศรษฐกิจส่วนกลาง (Central Planning Economy) ไม่สามารถแข่งขันกับเศรษฐกิจตลาดเสรีของตะวันตกได้ ปัจจัยหลักที่ทำให้เศรษฐกิจพัง ได้แก่:
1.1 ระบบเศรษฐกิจที่ไร้ประสิทธิภาพ
- รัฐควบคุมเศรษฐกิจอย่างเข้มงวด ทำให้ขาดการแข่งขันและขาดแรงจูงใจในการพัฒนา
- ภาคอุตสาหกรรมขาดนวัตกรรมและผลิตสินค้าไม่ได้คุณภาพเทียบเท่าตะวันตก
- เกษตรกรรมไร้ประสิทธิภาพ ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนอาหารเรื้อรัง
- ขาดแคลนสินค้าอุปโภคบริโภค ทำให้ประชาชนต้องเข้าคิวยาวเพื่อซื้อของจำเป็น
1.2 รายจ่ายทางทหารสูงเกินไป
- สงครามเย็น บีบบังคับให้โซเวียตต้องใช้จ่ายด้านทหารมหาศาลเพื่อแข่งขันกับสหรัฐฯ โดยเฉพาะการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์
- สงครามอัฟกานิสถาน (1979-1989) กลายเป็นภาระหนักของโซเวียต ทั้งค่าใช้จ่ายทางทหารและความสูญเสียของกองทัพ
1.3 ราคาน้ำมันตกต่ำ
- โซเวียตพึ่งพาการส่งออกน้ำมันเป็นแหล่งรายได้หลัก แต่เมื่อราคาน้ำมันร่วงลงในช่วงปี 1980s รายได้ของประเทศก็ลดลงอย่างมหาศาล ทำให้เศรษฐกิจทรุดหนักยิ่งขึ้น
2. ปัญหาทางการเมือง
2.1 นโยบายปฏิรูปของมิคาอิล กอร์บาชอฟ
มิคาอิล กอร์บาชอฟ (Mikhail Gorbachev) เป็นผู้นำสหภาพโซเวียตคนสุดท้าย (ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี 1985-1991) ได้พยายามปฏิรูปประเทศผ่านสองนโยบายหลัก ได้แก่:
- เปเรสตรอยกา (Perestroika) – ปฏิรูปเศรษฐกิจให้มีความเป็นตลาดมากขึ้น ลดการควบคุมจากรัฐ แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทัน กลับทำให้เกิดความวุ่นวายยิ่งขึ้น
- กลาสนอสต์ (Glasnost) – เปิดเสรีในการแสดงความคิดเห็นและการเมือง ทำให้ประชาชนกล้าออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ส่งผลให้เกิดความไม่พอใจและกระแสเรียกร้องเอกราชจากสาธารณรัฐต่าง ๆ
2.2 ความล้มเหลวของรัฐ
- รัฐบาลกลางเริ่มอ่อนแอและควบคุมประเทศไม่ได้เหมือนแต่ก่อน
- เจ้าหน้าที่รัฐบาลเต็มไปด้วยคอร์รัปชัน
- ความสามารถของกองทัพและหน่วยข่าวกรองลดลง ทำให้ควบคุมสถานการณ์ไม่ได้
3. ความไม่พอใจของประชาชน
- ชีวิตความเป็นอยู่แย่ลง: ผู้คนต้องเผชิญกับภาวะขาดแคลนอาหาร น้ำ ไฟฟ้า และสินค้าจำเป็น
- เสรีภาพเพิ่มขึ้น แต่วิกฤติหนักขึ้น: แม้ประชาชนสามารถแสดงความคิดเห็นได้มากขึ้นจากนโยบายกลาสนอสต์ แต่กลับทำให้พวกเขารู้สึกว่าโซเวียตกำลังล่มสลาย
- กระแสประชาธิปไตยและชาตินิยม: ชาวโซเวียตเริ่มต้องการประชาธิปไตย และหลายสาธารณรัฐต้องการแยกตัวเป็นอิสระจากรัฐบาลกลาง
4. การล่มสลายของระบบคอมมิวนิสต์ยุโรปตะวันออก
ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1980 ประเทศยุโรปตะวันออกที่เคยเป็นรัฐบริวารของโซเวียต เริ่มโค่นล้มรัฐบาลคอมมิวนิสต์ เช่น:
- 1989: กำแพงเบอร์ลินพังทลาย เยอรมนีตะวันออก-ตะวันตกเริ่มรวมตัวกัน
- 1989-1990: โปแลนด์ ฮังการี เชโกสโลวาเกีย บัลแกเรีย และโรมาเนียเปลี่ยนเป็นระบอบประชาธิปไตย
- 1991: ยูกอสลาเวียแตกออกเป็นสงครามกลางเมือง
โซเวียตไม่สามารถควบคุมเหตุการณ์เหล่านี้ได้ และเป็นสัญญาณบอกว่าสหภาพโซเวียตกำลังจะล่มสลาย
5. การแตกตัวของสหภาพโซเวียต
5.1 ความพยายามก่อรัฐประหารล้มเหลว (สิงหาคม 1991)
- กลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐบาลและกองทัพหัวเก่าพยายาม ทำรัฐประหารล้มกอร์บาชอฟ แต่ล้มเหลว
- บอริส เยลต์ซิน (Boris Yeltsin) ผู้นำรัสเซียในขณะนั้นต่อต้านรัฐประหาร และกลายเป็นผู้นำที่มีอำนาจเหนือกอร์บาชอฟ
5.2 สาธารณรัฐต่าง ๆ แยกตัวออกไป
- ลิทัวเนีย เอสโตเนีย และลัตเวีย ประกาศเอกราชก่อน
- ตามมาด้วย ยูเครน เบลารุส จอร์เจีย และอีกหลายสาธารณรัฐ
- 21 ธันวาคม 1991: ผู้นำของ 11 สาธารณรัฐร่วมกันลงนามข้อตกลงยุบสหภาพโซเวียต และก่อตั้งเครือรัฐเอกราช (CIS)
5.3 กอร์บาชอฟลาออก – โซเวียตสิ้นสุดลง
- 25 ธันวาคม 1991: มิคาอิล กอร์บาชอฟ ลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีของโซเวียต
- 26 ธันวาคม 1991: สหภาพโซเวียตสิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการ รัสเซียกลายเป็นรัฐใหม่ที่สืบทอดต่อจากโซเวียต
สรุป
สหภาพโซเวียตในช่วงก่อนแตกประเทศเต็มไปด้วยปัญหาทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม ระบบเศรษฐกิจล่มสลาย ประชาชนขาดแคลนสินค้า รัฐบาลอ่อนแอ และสาธารณรัฐต่าง ๆ ต้องการอิสรภาพ ประกอบกับการล่มสลายของคอมมิวนิสต์ในยุโรปตะวันออก ทำให้โซเวียตพังทลายในที่สุด นำไปสู่การเกิดขึ้นของรัสเซียและรัฐเอกราชอื่น ๆ ในปัจจุบัน
สมมุติฐาน: หากสหภาพโซเวียตไม่ล่มสลาย
หากโซเวียตสามารถหลีกเลี่ยงการล่มสลายได้ โลกปัจจุบันจะแตกต่างจากที่เราเห็นอย่างมาก โดยมีปัจจัยสำคัญที่อาจช่วยให้สหภาพโซเวียตยังคงอยู่ และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อโลก
1. เงื่อนไขที่ทำให้โซเวียตไม่ล่มสลาย
1.1 การปฏิรูปเศรษฐกิจให้เกิดผล
- ถ้า เปเรสตรอยกา (Perestroika) ถูกดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วขึ้น โซเวียตอาจเปลี่ยนจากเศรษฐกิจแบบวางแผนกลางไปสู่ระบบเศรษฐกิจที่ยืดหยุ่นขึ้น คล้ายกับจีนในปัจจุบัน
- แทนที่จะปล่อยให้เศรษฐกิจเสรีเข้ามาแบบไร้การควบคุม โซเวียตอาจดำเนินนโยบาย "เศรษฐกิจตลาดภายใต้การควบคุมของรัฐ" (State-controlled Market Economy) คล้ายกับ จีน หรือ เวียดนาม
- อุตสาหกรรมต้องได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัย มีนวัตกรรม และมีแรงจูงใจให้ประชาชนทำงานมากขึ้น
1.2 หลีกเลี่ยงสงครามอัฟกานิสถานและลดรายจ่ายทางทหาร
- สงครามอัฟกานิสถาน (1979-1989) เป็นภาระทางเศรษฐกิจมหาศาล ถ้าโซเวียต ถอนตัวเร็วขึ้น หรือหลีกเลี่ยงการเข้าร่วมแต่แรก เงินทุนจำนวนมากอาจถูกนำไปใช้พัฒนาเศรษฐกิจแทน
- ลดการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และการแข่งขันด้านทหารกับสหรัฐฯ อาจช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัว
1.3 ควบคุมกระแสเรียกร้องเอกราช
- โซเวียตอาจ ให้อำนาจปกครองตนเองมากขึ้นแก่สาธารณรัฐต่างๆ ภายใต้โครงสร้างแบบ "สหพันธรัฐ" เพื่อป้องกันการแตกตัว
- อาจยอมให้บางสาธารณรัฐ เช่น เอสโตเนีย ลัตเวีย และลิทัวเนีย แยกตัวออกไปโดยไม่กระทบต่อเสถียรภาพของรัฐหลัก
1.4 ควบคุมการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างรัดกุม
- กลาสนอสต์ (Glasnost) อาจถูกปรับให้เป็น "เสรีภาพภายใต้การควบคุม" มากขึ้น เช่น จีนที่เปิดกว้างในเชิงเศรษฐกิจแต่ยังคงการควบคุมทางการเมืองอย่างเข้มงวด
- กอร์บาชอฟ หรือผู้นำคนอื่นๆ อาจต้องปราบปรามกระแสประชาธิปไตยและดำเนินนโยบายเผด็จการเบ็ดเสร็จมากขึ้น
2. โซเวียตในปัจจุบันจะเป็นอย่างไร
หากโซเวียตยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน โลกจะมีลักษณะที่แตกต่างจากที่เป็นอยู่ในหลายด้าน:
2.1 โซเวียตอาจเป็น "จีน 2.0"
- โซเวียตอาจคล้ายกับจีนในปัจจุบัน คือ เป็น ประเทศมหาอำนาจที่มีระบบเผด็จการคอมมิวนิสต์ควบคุม แต่มีเศรษฐกิจแบบตลาดเสรีในระดับหนึ่ง
- มีเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น AI, อวกาศ, อาวุธยุทโธปกรณ์ และพลังงาน
- อาจเป็นผู้นำในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา โดยแข่งขันกับสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป
2.2 ระบบการปกครอง: เผด็จการแนวใหม่
- โซเวียตอาจยังคงมีพรรคคอมมิวนิสต์เป็นผู้นำ
- ระบบอำนาจรวมศูนย์อยู่ที่รัฐบาลกลาง มีการปราบปรามฝ่ายตรงข้ามคล้ายกับจีน
- อินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียอาจถูกควบคุม อย่างเข้มงวด
2.3 สงครามเย็นอาจยังคงดำเนินอยู่
- ไม่มีการล่มสลายของคอมมิวนิสต์ในยุโรปตะวันออก เช่น เยอรมนีตะวันออก โปแลนด์ และโรมาเนีย อาจยังอยู่ภายใต้ระบอบคอมมิวนิสต์
- NATO และสหรัฐฯ อาจยังคงเป็นฝ่ายตรงข้ามกับโซเวียต
- อาจมีการแข่งกันสร้างฐานทัพในเอเชีย ยุโรป และอเมริกาใต้
2.4 สหภาพยุโรปอาจไม่แข็งแกร่ง
- หากโซเวียตยังคงอยู่ อิทธิพลของตะวันตกในยุโรปอาจลดลง
- อาจไม่มีการขยายตัวของ NATO หรือสหภาพยุโรปทางตะวันออก
- เยอรมนีอาจไม่รวมประเทศ
2.5 เทคโนโลยีอวกาศและพลังงานอาจพัฒนาเร็วกว่าปัจจุบัน
- โซเวียตเป็นผู้นำด้านอวกาศ หากไม่ล่มสลาย โครงการอวกาศของรัสเซียอาจแข็งแกร่งขึ้น อาจมีการตั้งสถานีบนดวงจันทร์หรือไปดาวอังคารเร็วกว่าสหรัฐฯ
- โซเวียตอาจครองตลาดพลังงาน โดยใช้แหล่งทรัพยากรในไซบีเรียเพื่อเป็นมหาอำนาจด้านพลังงาน
3. ผลกระทบต่อโลกปัจจุบัน
3.1 โลกจะถูกแบ่งเป็นสองขั้วมากขึ้น
- หากโซเวียตยังคงอยู่ โลกอาจไม่ได้เป็น "Unipolar" (มีสหรัฐฯ เป็นมหาอำนาจเดียว) แต่เป็น "Bipolar" หรือ "Multipolar"
- จีนอาจไม่สามารถครองตำแหน่งอำนาจที่สองของโลกได้ เพราะโซเวียตยังเป็นคู่แข่งสำคัญ
3.2 ไม่มีรัสเซียในปัจจุบัน
- หากโซเวียตยังคงอยู่ ประเทศรัสเซียในรูปแบบที่เรารู้จัก (นำโดยวลาดิเมียร์ ปูติน) อาจไม่มีอยู่
- ปูตินอาจเป็นเพียงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์ และไม่มีอำนาจเป็นอิสระ
3.3 ไม่มีการขยายตัวของ NATO
- ประเทศอย่างโปแลนด์ ฮังการี และเช็กอาจไม่ได้เข้าร่วม NATO
- ยูเครนและจอร์เจียอาจยังอยู่ภายใต้โซเวียต
3.4 สงครามระหว่างประเทศอาจแตกต่างออกไป
- สงครามในตะวันออกกลาง (อิรัก อัฟกานิสถาน ซีเรีย) อาจมีผลกระทบแตกต่างออกไป
- โซเวียตอาจแทรกแซงประเทศตะวันออกกลางมากขึ้น
สรุป
หากโซเวียตไม่ล่มสลาย โลกในปัจจุบันอาจมีลักษณะดังนี้:
✅ สงครามเย็นอาจยังไม่สิ้นสุด
✅ โลกจะถูกแบ่งเป็นขั้วมากขึ้น (สหรัฐฯ vs โซเวียต)
✅ NATO อาจอ่อนแอลง และยุโรปอาจไม่รวมตัวเป็นสหภาพยุโรป
✅ จีนอาจไม่แข็งแกร่งเท่าปัจจุบัน เพราะโซเวียตจะแข่งขันในฐานะมหาอำนาจ
✅ เทคโนโลยีอวกาศและพลังงานอาจก้าวหน้ามากขึ้น
แต่ถ้าการปฏิรูปไม่สำเร็จ โซเวียตอาจกลายเป็น เผด็จการที่อ่อนแอ และเสี่ยงต่อการล่มสลายช้ากว่าเดิม!
ไทยจะเป็นอย่างไรถ้าโซเวียตไม่ล่มสลาย?
หากสหภาพโซเวียต (USSR) ยังคงอยู่ จนถึงปัจจุบัน โครงสร้างทางการเมืองและเศรษฐกิจของโลกจะเปลี่ยนไปอย่างมาก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยทั้งในด้าน เศรษฐกิจ การเมือง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และสังคม ตามแนวทางดังนี้:
1. ด้านเศรษฐกิจ: การค้าและอุตสาหกรรมไทยจะได้รับผลกระทบ
1.1 ไทยอาจไม่ได้รับประโยชน์จากโลกเสรีเท่าที่ควร
- หลังโซเวียตล่มสลายในปี 1991 โลกกลายเป็น Unipolar (มีสหรัฐฯ เป็นมหาอำนาจเดียว) ทำให้แนวคิดทุนนิยมและโลกาภิวัตน์เติบโตเต็มที่
- ถ้าโซเวียตยังคงอยู่ สงครามเย็นอาจยังดำเนินต่อไป → โลกอาจแบ่งขั้วมากขึ้น → ประเทศเล็ก ๆ อย่างไทยอาจถูกบีบให้เลือกข้าง (สหรัฐฯ หรือโซเวียต)
- ประเทศเสรีนิยม (รวมถึงไทย) อาจถูกจำกัดการเข้าถึงตลาดโลกที่ถูกครอบงำโดยกลุ่มประเทศคอมมิวนิสต์
1.2 การส่งออกและเศรษฐกิจไทยอาจเติบโตช้ากว่าเดิม
- ไทยพึ่งพาการส่งออกไปยังตลาดตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐฯ และยุโรป แต่ถ้าโซเวียตยังอยู่ อาจเกิด สงครามการค้าและมาตรการกีดกันทางเศรษฐกิจ
- FDI (การลงทุนจากต่างประเทศ) อาจลดลง → นักลงทุนอาจลังเลในการลงทุนในไทย เนื่องจากสถานการณ์โลกที่ตึงเครียด
- หากโซเวียตแข็งแกร่ง อาจมีตลาดใหม่ที่ไทยต้องพึ่งพา แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบคอมมิวนิสต์ ซึ่งอาจทำให้ไทยสูญเสียโอกาสในการพัฒนาเศรษฐกิจแบบเสรี
1.3 ไทยอาจต้องพึ่งพาการค้ากับกลุ่มคอมมิวนิสต์มากขึ้น
- ถ้าโซเวียตยังคงเป็นมหาอำนาจ ไทยอาจถูกบีบให้ค้าขายกับกลุ่มประเทศที่เป็นพันธมิตรของโซเวียตมากขึ้น เช่น จีน เวียดนาม ลาว และกลุ่มยุโรปตะวันออก
- แต่เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศคอมมิวนิสต์ในช่วงนั้น อ่อนแอกว่าเศรษฐกิจตะวันตก ทำให้ไทยอาจพัฒนาอุตสาหกรรมได้ช้ากว่าเดิม
- อุตสาหกรรมการผลิตของไทยอาจยังคงถูกควบคุมโดยรัฐมากขึ้น ไม่เปิดเสรีแบบที่เกิดขึ้นหลังสงครามเย็นจบ
2. ด้านการเมือง: ไทยอาจถูกบีบให้เลือกข้างมากขึ้น
2.1 ไทยอาจยังคงเป็นเผด็จการต่อไปนานกว่าปัจจุบัน
- ถ้าโซเวียตยังคงอยู่ → สงครามเย็นยังดำเนินต่อไป → สหรัฐฯ อาจยังคงให้การสนับสนุนรัฐบาลเผด็จการในไทยเพื่อป้องกันคอมมิวนิสต์
- ไทยอาจไม่สามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตยเต็มรูปแบบได้เร็วแบบที่เกิดขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 20
- รัฐบาลไทยอาจยังคงมีนโยบายต่อต้านคอมมิวนิสต์แบบเข้มข้น และใช้กำลังทหารควบคุมอำนาจต่อไป
2.2 ไทยอาจกลายเป็นสนามรบตัวแทนของสงครามเย็น
- สงครามเย็นในเอเชียอาจยังคงอยู่ ทำให้ไทยต้องเตรียมพร้อมทางทหารและอาจถูกใช้เป็น ฐานทัพของสหรัฐฯ มากขึ้น
- พื้นที่ชายแดนไทย-ลาว และไทย-กัมพูชา อาจยังมีความขัดแย้งจากอิทธิพลของคอมมิวนิสต์
- ความสัมพันธ์ไทย-เวียดนามอาจตึงเครียดมากกว่าปัจจุบัน เพราะเวียดนามยังคงเป็นพันธมิตรของโซเวียต
3. ด้านสังคม: ไทยอาจถูกควบคุมมากขึ้น
3.1 สังคมไทยอาจยังมีการควบคุมด้านเสรีภาพ
- ถ้าโซเวียตยังคงเป็นมหาอำนาจ ไทยอาจต้องจำกัดเสรีภาพของประชาชนเพื่อป้องกันแนวคิดคอมมิวนิสต์
- อาจมีการตรวจสอบสื่อหนักขึ้น และประชาชนอาจไม่ได้รับข้อมูลที่เป็นอิสระเหมือนในปัจจุบัน
- กระแสเสรีนิยมและประชาธิปไตยอาจมาถึงไทยช้ากว่าเดิม
3.2 ไทยอาจไม่ได้รับอิทธิพลจากตะวันตกมากเท่าปัจจุบัน
- หากโซเวียตยังอยู่ อาจมีการ ต่อต้านวัฒนธรรมตะวันตก ในไทย เช่น ดนตรี ภาพยนตร์ และแนวคิดเสรีนิยม
- วัฒนธรรมการบริโภคนิยมที่ได้รับจากสหรัฐฯ อาจเข้ามาน้อยลง → ไทยอาจยังมีสังคมที่เน้นความเป็นชาตินิยมและควบคุมด้านวัฒนธรรมมากขึ้น
4. ผลกระทบระยะยาว: ไทยในปี 2025 จะเป็นอย่างไร?
หากโซเวียตยังคงอยู่ ไทยในปี 2025 อาจมีลักษณะดังนี้:
✅ การเมือง: ไทยอาจยังเป็นเผด็จการหรือกึ่งเผด็จการ และอาจไม่เปิดเสรีทางการเมืองแบบปัจจุบัน
✅ เศรษฐกิจ: ไทยอาจเติบโตช้ากว่าเดิม เนื่องจากตลาดโลกถูกแบ่งขั้วมากขึ้น
✅ นโยบายต่างประเทศ: ไทยอาจต้องเลือกข้างระหว่างสหรัฐฯ กับโซเวียต ทำให้การค้าระหว่างประเทศมีข้อจำกัด
✅ สังคมและวัฒนธรรม: ไทยอาจมีการควบคุมด้านสื่อและเสรีภาพของประชาชนมากขึ้น
สรุป: ไทยจะเสียโอกาสหลายอย่าง ถ้าโซเวียตไม่ล่มสลาย
หากโซเวียตยังอยู่
❌ สงครามเย็นจะยังคงมีอยู่ → ไทยจะถูกบีบให้เลือกข้าง
❌ เศรษฐกิจไทยอาจเติบโตช้ากว่าเดิม → นักลงทุนอาจลังเล และไทยอาจพึ่งพาตลาดโซเวียตมากขึ้น
❌ เสรีภาพและประชาธิปไตยอาจมาช้ากว่าเดิม → รัฐบาลเผด็จการอาจครองอำนาจนานขึ้น
❌ ไทยอาจยังคงเป็นประเทศที่มีอิทธิพลของทหารสูง → การเมืองอาจไม่เปิดกว้างเท่าปัจจุบัน
ดังนั้น การล่มสลายของโซเวียตเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ไทยเติบโตทางเศรษฐกิจและมีเสรีภาพมากขึ้นในปัจจุบัน ถ้าโซเวียตยังอยู่ ไทยอาจอยู่ในสภาพที่ถูกควบคุมและถูกจำกัดโอกาสมากกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้!