การเกษียณอายุเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนต้องเตรียมตัวให้พร้อม เนื่องจากรายได้จากการทำงานจะหมดลง ขณะที่ค่าครองชีพและค่ารักษาพยาบาลยังคงอยู่ คนทำงานที่อยู่ในระบบประกันสังคมต้องมีการวางแผนที่ดีเพื่อให้มั่นใจว่าจะมีเงินเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายและสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพที่เหมาะสมโดยไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น
แหล่งรายได้หลักหลังเกษียณ
-
บำนาญจากประกันสังคม
หากจ่ายเงินสมทบครบ 180 เดือน (15 ปี) จะได้รับบำนาญชราภาพ คิดเป็น 20% ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย หากจ่ายเงินสมทบมากกว่า 15 ปี บำนาญจะเพิ่มขึ้น 1.5% ต่อปีที่จ่ายเกิน
ตัวอย่าง
- ถ้ามีเงินเดือนสูงสุด 15,000 บาท จะได้รับบำนาญ 3,000 บาท/เดือน (36,000 บาท/ปี)
แม้ว่าจะเป็นรายได้ที่ได้รับตลอดชีวิต แต่สำหรับหลายคนอาจไม่เพียงพอกับค่าครองชีพในอนาคต
-
เงินออม & กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
หากมีการออมเงินหรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) จะช่วยให้มีเงินก้อนสำหรับใช้จ่ายหลังเกษียณ ควรมีเงินออมอย่างน้อย 2-5 ล้านบาท เพื่อดึงดอกเบี้ยมาใช้แทนรายได้
-
การลงทุนเพื่อสร้างรายได้เสริม
หากต้องการมีรายได้ต่อเนื่องโดยไม่ต้องทำงาน ควรลงทุนตั้งแต่ก่อนเกษียณ เช่น กองทุนอสังหา (REITs) หุ้นปันผล หรือปล่อยเช่าคอนโด/ที่ดิน ซึ่งสามารถให้ผลตอบแทนปีละ 5-7% ขึ้นอยู่กับการเลือกลงทุน
ทางเลือกการรักษาพยาบาลที่ดีที่สุดหลังเกษียณ
-
ใช้บัตรทองเป็นพื้นฐาน
บัตรทองให้สิทธิรักษาฟรีในโรงพยาบาลรัฐ แม้ว่าจะมีข้อจำกัดเรื่องระยะเวลารอคิวและการเลือกโรงพยาบาล แต่เป็นสิทธิพื้นฐานที่ทุกคนควรใช้ประโยชน์
-
ใช้ประกันสังคมก้าวหน้า (มาตรา 39 ระบบใหม่)
หากต่อมาตรา 39 แบบใหม่ จะยังได้รับสิทธิรักษาพยาบาลและได้รับการปรับสูตรบำนาญให้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม สำหรับบางคนที่ไม่ต้องการต่อมาตรา 39 อาจเลือกใช้บัตรทองหรือหาประกันสุขภาพเอกชนเป็นทางเลือก
-
ซื้อประกันสุขภาพเอกชนเพื่อเพิ่มความสะดวก
หากต้องการเข้าถึงโรงพยาบาลเอกชนและไม่ต้องรอคิว ควรซื้อประกันสุขภาพตามงบประมาณของตัวเอง
- แผนพื้นฐาน: ค่าใช้จ่ายปีละ 20,000 - 30,000 บาท คุ้มครองเฉพาะ IPD และค่าห้องมาตรฐาน
- แผนระดับกลาง: ค่าใช้จ่ายปีละ 30,000 - 50,000 บาท ครอบคลุม IPD และ OPD บางส่วน
- แผนพรีเมียม: ค่าใช้จ่ายปีละ 50,000 - 100,000+ บาท ครอบคลุมโรคร้ายแรงและค่าห้อง VIP
แผนเกษียณที่ดีที่สุดสำหรับคนที่มีประกันสังคม
-
แผนพอเพียง (เงินออมจำกัด)
- ใช้บำนาญประกันสังคมเป็นหลัก
- ใช้บัตรทองและสิทธิประกันสังคมที่เหลือ
- มีเงินสำรองฉุกเฉิน 500,000 – 1,000,000 บาท
- ไม่มีประกันสุขภาพเอกชน ต้องใช้โรงพยาบาลรัฐและรอคิว
-
แผนสมดุล (มีเงินออมปานกลาง)
- ใช้บำนาญประกันสังคม + เงินออม 2-5 ล้านบาท
- ซื้อประกันสุขภาพระดับกลาง ค่าใช้จ่ายปีละประมาณ 30,000 บาท
- ใช้บัตรทองเป็นแผนสำรอง
- ลงทุนในกองทุนอสังหา หุ้นปันผล เพื่อให้มีรายได้เพิ่ม
-
แผนพรีเมียม (เงินเยอะ ใช้ชีวิตสุขสบาย)
- ใช้เงินออม 10+ ล้านบาท ไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน
- ซื้อประกันสุขภาพพรีเมียม ค่าใช้จ่ายปีละประมาณ 50,000+ บาท
- ใช้โรงพยาบาลเอกชนเป็นหลัก และใช้บัตรทองเป็นสำรอง
- ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หุ้นปันผล เพื่อให้มีรายได้สม่ำเสมอ
สรุป: วางแผนเกษียณอย่างไรให้มั่นคง
- เก็บเงินออมให้เพียงพอ อย่างน้อย 2-5 ล้านบาท สำหรับชีวิตหลังเกษียณ
- ใช้ประกันสุขภาพให้เป็นประโยชน์ ถ้าไม่อยากรอคิว ควรซื้อประกันเอกชนเพิ่ม
- ลงทุนสร้างรายได้เสริม เช่น หุ้นปันผล กองทุนอสังหา อสังหาฯ ให้เช่า
- อย่าพึ่งพาแค่ประกันสังคม เพราะเงินบำนาญอาจไม่พอใช้
- มีแผนสำรองเสมอ ถ้าประกันสังคมหมดสิทธิ์ ให้ใช้บัตรทองและเงินสำรอง
การวางแผนเกษียณที่ดีทำให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมั่นคงโดยไม่ต้องพึ่งพาลูกหลาน และสามารถเลือกการรักษาพยาบาลที่เหมาะสมกับงบประมาณของตนเองได้ การเตรียมตัวตั้งแต่วันนี้จะช่วยให้มีความมั่นใจมากขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยเกษียณ