เคยไหม? เห็นคนที่เพิ่งประสบอุบัติเหตุรุนแรงแต่ไม่บาดเจ็บ แล้วออกมาจากรถหรือที่เกิดเหตุแบบคึกคัก ร่าเริง หรือพูดจาไม่รู้เรื่อง เหมือนคนเมายา ทั้งที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์เฉียดตายมา
หลายคนอาจเข้าใจว่าเป็นเพราะตกใจ หรือกำลัง "ช็อก" ซึ่งก็ถูกต้องส่วนหนึ่ง แต่ความจริงแล้วเบื้องหลังพฤติกรรมแปลกๆ เหล่านี้คือกลไกของสมองและร่างกายที่พยายามเอาตัวรอดจากสถานการณ์สุดขีด และสิ่งนี้มีชื่อเรียกในทางวิทยาศาสตร์ว่า "ภาวะเครียดเฉียบพลัน" (Acute Stress Reaction)
ภาวะเครียดเฉียบพลัน (Acute Stress Reaction) คืออะไร?
ASR คือปฏิกิริยาของร่างกายและจิตใจที่เกิดขึ้นทันทีหลังประสบเหตุการณ์ที่รุนแรงเกินรับไหว เช่น อุบัติเหตุรถยนต์ เกิดไฟไหม้ เห็นคนตาย หรือเหตุการณ์ที่เกือบเอาชีวิตไม่รอด แม้ผู้ประสบเหตุจะไม่ได้รับบาดเจ็บทางร่างกาย แต่จิตใจและระบบประสาทกลับถูกกระตุ้นถึงขีดสุด
ร่างกายจะเข้าสู่ "โหมดเอาตัวรอด" โดยอัตโนมัติ ซึ่งเกิดขึ้นผ่านกลไกของสมองและฮอร์โมนภายในไม่กี่วินาที
กลไกของสมองและร่างกายเมื่อเกิดภาวะเครียดเฉียบพลัน
-
อะมิกดาลา (Amygdala) – สมองส่วนประมวลอารมณ์ โดยเฉพาะความกลัว เมื่อเจอเหตุการณ์รุนแรง Amygdala จะส่งสัญญาณเตือนไปยังศูนย์ควบคุมต่าง ๆ ของร่างกายทันที
-
ไฮโปทาลามัส (Hypothalamus) – ทำหน้าที่ควบคุมระบบประสาทอัตโนมัติ เมื่อได้รับสัญญาณเตือนภัย จะกระตุ้นระบบ HPA Axis (Hypothalamus-Pituitary-Adrenal Axis) ให้ทำงาน
-
ต่อมหมวกไต (Adrenal Glands) – หลั่งฮอร์โมนหลัก 2 ชนิดคือ
-
อะดรีนาลีน (Adrenaline): ทำให้หัวใจเต้นเร็ว หายใจถี่ กล้ามเนื้อพร้อมขยับ สมองตื่นตัวสุด ๆ
-
คอร์ติซอล (Cortisol): ควบคุมความเครียดระยะสั้น แต่หากหลั่งมากเกินไป จะกระทบต่อสมองส่วนความจำและเหตุผล
-
-
Prefrontal Cortex – สมองส่วนคิดวิเคราะห์ ตัดสินใจ และควบคุมอารมณ์ จะถูกเบรกการทำงานชั่วคราว เพราะร่างกายให้ความสำคัญกับการเอาตัวรอดมากกว่าการคิดตรรกะ
-
Hippocampus – สมองส่วนความจำ อาจทำงานผิดปกติชั่วคราว ทำให้ผู้ประสบเหตุจำเหตุการณ์ไม่ได้ หรือพูดจาวกวน
ทำไมถึงดูคึก พูดไม่รู้เรื่อง หรือหัวเราะผิดเวลา?
พฤติกรรมเหล่านี้เป็นผลจากการที่ระบบประสาทถูกกระตุ้นอย่างรุนแรง ฮอร์โมนอะดรีนาลีนทำให้ร่างกายตื่นตัวสุดขีด และการที่สมองส่วนควบคุมเหตุผลทำงานน้อยลง ทำให้คนบางคน:
-
พูดไม่หยุด พูดไม่รู้เรื่อง
-
หัวเราะ คึกคัก แบบไม่เข้ากับสถานการณ์
-
ดูเหมือนคนเมายาหรือเพี้ยนไปชั่วคราว
ในบางคนอาจแสดงอาการตรงข้าม เช่น นิ่งเงียบ ไม่ตอบสนอง หรือน้ำตาไหลไม่รู้ตัว ก็ล้วนเป็นรูปแบบหนึ่งของปฏิกิริยารับมือความเครียด
อันตรายหรือไม่?
โดยทั่วไป อาการของ Acute Stress Reaction จะหายไปเองภายในไม่กี่ชั่วโมงถึงไม่กี่วัน เมื่อร่างกายปรับตัวได้
แต่หากอาการยังคงอยู่ต่อเนื่องหลายสัปดาห์ เช่น มีอาการนอนไม่หลับ ฝันร้าย หลีกเลี่ยงสถานที่เดิม ๆ หรือรู้สึกระแวงตลอดเวลา อาจเป็นสัญญาณของ PTSD (Post-Traumatic Stress Disorder) ซึ่งควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางสุขภาพจิต
สรุป
การที่ใครสักคนดู "แปลกไป" หลังรอดจากเหตุการณ์เฉียดตาย ไม่ใช่เรื่องน่าขำ หรือควรถูกมองว่าเพี้ยน แต่มันคือปฏิกิริยาธรรมชาติของสมองที่กำลังพยายามปกป้องตัวเองจากความเครียดระดับรุนแรง
หากเราเข้าใจ เราจะรู้ว่าแค่การยืนอยู่ตรงนั้น แล้วรอดมาได้ ก็คือชัยชนะของระบบประสาทมนุษย์อย่างแท้จริง