วันพุธที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2568

ปล่อยปลาเพื่ออะไร? เมื่อธรรมชาติถูกขังด้วยเขื่อน

บทนำ: ภาพสวยที่หลอกตา

เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2025 จีนจัดกิจกรรมปล่อยปลาสเตอร์เจียนจีนจำนวนกว่า 23,000 ตัวลงสู่แม่น้ำแยงซี ณ เมืองอี๋ชาง มณฑลหูเป่ย พร้อมแนวคิดอันไพเราะว่า “ปล่อยปลาสเตอร์เจียนจีน พิทักษ์ความงามของแยงซี” ภาพถ่ายจากกิจกรรมดูชวนอิ่มใจ เหล่านักอนุรักษ์และเจ้าหน้าที่ต่างร่วมกันปล่อยปลาอย่างตั้งใจ แต่เบื้องหลังภาพเหล่านี้คือคำถามสำคัญว่า "เรากำลังช่วยปลาจริงหรือกำลังปล่อยให้มันตายซ้ำซากในแม่น้ำที่ไม่ใช่ของมันอีกต่อไป?"

ปลาสตอร์เจียน: ผู้รอดชีวิตจากยุคไดโนเสาร์

ปลาสเตอร์เจียนจีน (Chinese Sturgeon) เป็นหนึ่งในปลาน้ำจืดโบราณที่เคยมีจำนวนมากในแม่น้ำแยงซี มีลักษณะพิเศษคือสามารถว่ายทวนน้ำได้ไกลเพื่อไปวางไข่ในพื้นที่เฉพาะ โดยต้องอาศัยน้ำไหลเชี่ยว อุณหภูมิที่เหมาะสม และสภาพทางธรณีที่เฉพาะเจาะจง แต่ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อมนุษย์สร้างเขื่อน

เขื่อนสามผา: จุดเปลี่ยนของแยงซี

แม่น้ำแยงซีมีบทบาทสำคัญต่อจีนทั้งด้านเศรษฐกิจและพลังงาน การสร้างเขื่อนสามผาซึ่งแล้วเสร็จในปี 2012 ถือเป็นหนึ่งในโครงการพลังงานน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ผลกระทบกลับใหญ่หลวงยิ่งกว่าเขื่อน

  • ระบบนิเวศแม่น้ำเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

  • การไหลของน้ำถูกควบคุม ทำให้ฤดูวางไข่ผิดเพี้ยน

  • ตะกอนที่เคยหล่อเลี้ยงพื้นที่ลุ่มน้ำถูกกักไว้

  • ปลาหลายชนิดไม่สามารถอพยพไปวางไข่ได้อีกต่อไป

ปล่อยปลาในแม่น้ำที่ไม่เหมือนเดิม

แม้จีนจะเพาะพันธุ์ปลาสเตอร์เจียนและปล่อยลงแม่น้ำทุกปี แต่ปลาที่เกิดในห้องทดลองเหล่านี้ไม่สามารถปรับตัวในสภาพธรรมชาติที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง พวกมันว่ายไม่ได้ไกล วางไข่ไม่ได้ และสุดท้ายก็ตายลงอย่างเงียบ ๆ

เมื่อแม่น้ำไม่ได้หยุดแค่ในประเทศเดียว

แม่น้ำสายหลักที่มีต้นน้ำในจีนหลายสายไม่ได้หยุดแค่ในพรมแดนจีน แต่ไหลต่อไปยังหลายประเทศ เช่น แม่น้ำโขงที่หล่อเลี้ยงชีวิตคนไทย ลาว กัมพูชา เวียดนาม และแม่น้ำพรหมบุตรที่ไหลสู่บังกลาเทศและอินเดีย เขื่อนที่จีนสร้างตอนต้นน้ำจึงมีผลต่อประเทศปลายน้ำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แม่น้ำโขง: ผู้ถูกลืมจากปลายน้ำ

ข้อมูล ณ ปี 2025 ระบุว่า จีนมีเขื่อนทั้งหมดมากกว่า 98,000 แห่งทั่วประเทศ โดยในจำนวนนี้มีเขื่อน มากกว่า 11 แห่ง ที่ตั้งอยู่บนแม่น้ำล้านช้าง (Lancang River) ซึ่งเป็นต้นน้ำของแม่น้ำโขง และส่งผลกระทบโดยตรงต่อประเทศลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ได้แก่ ไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม

เขื่อนสำคัญที่ส่งผลต่อแม่น้ำโขง เช่น:

  • Xiaowan Dam (สร้างเสร็จปี 2010): หนึ่งในเขื่อนที่ใหญ่ที่สุดของจีน สูงถึง 292 เมตร

  • Nuozhadu Dam (สร้างเสร็จปี 2012): มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ควบคุมการไหลของน้ำตลอดทั้งปี

  • Jinghong Dam (สร้างเสร็จปี 2009): อยู่ใกล้ชายแดนลาว เป็นหนึ่งในเขื่อนที่มีบทบาทสำคัญในการควบคุมระดับน้ำที่ส่งผลกระทบต่อไทยตอนบน

การบริหารจัดการน้ำจากเขื่อนเหล่านี้ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงขึ้นลงผิดธรรมชาติในหลายพื้นที่ของประเทศปลายน้ำ โดยเฉพาะในฤดูแล้ง ซึ่งเคยเป็นฤดูน้ำแห้งสนิท ปัจจุบันกลับเกิดน้ำหลากกะทันหันจากการปล่อยน้ำโดยไม่แจ้งเตือนล่วงหน้า

ประเทศที่ได้รับผลกระทบโดยตรง

  • ไทย: พื้นที่ภาคอีสาน โดยเฉพาะจังหวัดที่ติดลุ่มน้ำโขง เช่น นครพนม มุกดาหาร หนองคาย ประสบปัญหาน้ำขึ้นลงผิดธรรมชาติ ทำลายฤดูประมงและฤดูเพาะปลูกของชาวบ้านริมแม่น้ำ

  • ลาว: การพึ่งพาน้ำโขงเป็นแหล่งอาหารและคมนาคมในบางพื้นที่เริ่มสูญเสียความมั่นคงทางอาหารและน้ำ

  • กัมพูชา: พื้นที่ทะเลสาบโตนเลสาบ ซึ่งเป็นแหล่งประมงใหญ่สุดของประเทศ ขึ้นกับน้ำจากโขง → การเปลี่ยนแปลงระดับน้ำมีผลโดยตรงต่อผลผลิตประมง

  • เวียดนาม: ดินแดนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง (Mekong Delta) เผชิญปัญหาน้ำเค็มรุกล้ำเร็วขึ้นเพราะระดับน้ำจืดลดลงอย่างผิดปกติ ส่งผลกระทบต่อพื้นที่เกษตรกรรมที่หล่อเลี้ยงประเทศ

การก่อสร้างเขื่อนในจีนจึงไม่ใช่เพียงเรื่องภายในประเทศ แต่เป็นปัญหาข้ามพรมแดนที่ส่งผลระยะยาวทั้งด้านสิ่งแวดล้อม ความมั่นคงทางอาหาร และวิถีชีวิตของผู้คนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม่น้ำโขงเป็นหนึ่งในเหยื่อรายใหญ่ของการสร้างเขื่อนในจีน ด้วยการกักเก็บน้ำอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประเทศปลายน้ำประสบกับ:

  • ฤดูกาลน้ำเปลี่ยน → ชาวบ้านไม่สามารถเพาะปลูกได้ตามรอบธรรมชาติ

  • น้ำลดผิดปกติในหน้าแล้ง → ปลาไม่วางไข่ ส่งผลต่อประมงพื้นบ้าน

  • น้ำท่วมฉับพลันจากการระบายน้ำ → เกิดภัยพิบัติแบบไม่คาดคิด

ประเทศปลายน้ำไม่ได้มีสิทธิ์ต่อรองหรือเข้าถึงข้อมูลการปล่อยน้ำแบบโปร่งใส จึงตกอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการถูกควบคุมด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่ควรเป็นของทุกคน

น้ำ = อำนาจ: เมื่อทรัพยากรกลายเป็นเครื่องมือต่อรอง

การควบคุมน้ำหมายถึงการควบคุมชีวิตของผู้คนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำ แม่น้ำที่เคยเป็นของธรรมชาติ กลายเป็นอาวุธในเวทีภูมิรัฐศาสตร์ จีนสามารถเปิด-ปิดเขื่อนได้ตามต้องการ ไม่จำเป็นต้องแจ้งล่วงหน้า ทำให้ประเทศปลายน้ำต้องอยู่กับความไม่แน่นอนอย่างถาวร

ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับประเทศในลุ่มน้ำโขงจึงไม่เท่ากัน แม้จะมีการจัดตั้งคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (Mekong River Commission) แต่จีนไม่เคยเข้าร่วมอย่างเต็มที่และไม่ยอมแบ่งปันข้อมูลน้ำแบบเรียลไทม์ จึงเกิดความเหลื่อมล้ำเชิงอำนาจที่ยากจะแก้ไข

จีนตอบโต้เสียงวิจารณ์อย่างไร?

แม้จะมีเสียงวิจารณ์จากนานาชาติ จีนยังคงยืนยันว่าการบริหารแม่น้ำโขงและแม่น้ำสาขาอื่น ๆ เป็น “เรื่องภายในประเทศ” และชี้ว่าเขื่อนช่วยควบคุมอุทกภัยในฤดูฝน บรรเทาภัยแล้งในฤดูแล้ง และสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจในเขตยากจนของจีนตอนใต้

จีนยังผลักดันโครงการความร่วมมือในภูมิภาค เช่น กลไกความร่วมมือล้านช้าง-แม่โขง (Lancang-Mekong Cooperation – LMC) เพื่อสร้างภาพลักษณ์ด้านความร่วมมือ แต่หลายฝ่ายยังตั้งคำถามถึงความโปร่งใสและความเสมอภาคของเวทีเหล่านี้

การควบคุมน้ำหมายถึงการควบคุมชีวิตของผู้คนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำ แม่น้ำที่เคยเป็นของธรรมชาติ กลายเป็นอาวุธในเวทีภูมิรัฐศาสตร์ จีนสามารถเปิด-ปิดเขื่อนได้ตามต้องการ ไม่จำเป็นต้องแจ้งล่วงหน้า ทำให้ประเทศปลายน้ำต้องอยู่กับความไม่แน่นอนอย่างถาวร

ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับประเทศในลุ่มน้ำโขงจึงไม่เท่ากัน แม้จะมีการจัดตั้งคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (Mekong River Commission) แต่จีนไม่เคยเข้าร่วมอย่างเต็มที่และไม่ยอมแบ่งปันข้อมูลน้ำแบบเรียลไทม์ จึงเกิดความเหลื่อมล้ำเชิงอำนาจที่ยากจะแก้ไข

ประเทศที่กล้ารื้อเขื่อน: เมื่อโลกเลือกอนาคต

ในขณะที่บางประเทศยังเดินหน้าสร้างเขื่อนเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ ประเทศพัฒนาแล้วบางแห่งกลับตัดสินใจเดินสวนทาง เพราะมองเห็นว่าเขื่อนไม่ใช่คำตอบอีกต่อไป

สหรัฐอเมริกา

เป็นประเทศที่รื้อเขื่อนมากที่สุดในโลก ตัวอย่างสำคัญคือโครงการรื้อเขื่อน Elwha Dam (สร้างในปี 1913 รื้อในปี 2011) และ Glines Canyon Dam (สร้างในปี 1927 รื้อในปี 2014) ในรัฐวอชิงตัน ซึ่งเป็นการฟื้นฟูแม่น้ำ Elwha ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ผลคือปลาแซลมอนกลับมาวางไข่ได้อีกครั้ง และระบบนิเวศรอบแม่น้ำฟื้นตัวอย่างชัดเจนภายในไม่กี่ปี

ฝรั่งเศส

ในแม่น้ำ Sélune มีการรื้อเขื่อน Vezins Dam (สร้างในปี 1920 รื้อในปี 2019) และเขื่อน La Roche-Qui-Boit (สร้างในปี 1915 รื้อในปี 2020) โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนฟื้นฟูระบบนิเวศทางน้ำในภูมิภาคนอร์มังดี ซึ่งเน้นให้ปลาไหลยุโรปและแซลมอนสามารถอพยพได้ตามธรรมชาติ

สแกนดิเนเวีย

หลายประเทศ เช่น สวีเดน นอร์เวย์ และฟินแลนด์ ไม่มีการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่เพิ่มเติมมาหลายสิบปี และมีโครงการทยอยรื้อเขื่อนขนาดเล็กที่ไม่ให้ผลผลิตพลังงานคุ้มค่า เช่น Sweden's Marieberg Dam (รื้อในปี 2018) พร้อมสนับสนุนการใช้พลังงานลมและแสงอาทิตย์แทน

การรื้อเขื่อนในประเทศเหล่านี้เกิดจากการประเมินว่า "ความคุ้มค่าทางระบบนิเวศในระยะยาว" มีค่ามากกว่ากำไรจากพลังงานในระยะสั้น"ความคุ้มค่าทางระบบนิเวศในระยะยาว" มีค่ามากกว่ากำไรจากพลังงานในระยะสั้น

ข้อเสนอ: ทางออกสู่อนาคตที่ยั่งยืน

แม่น้ำควรเป็นพื้นที่ของชีวิต ไม่ใช่สนามอำนาจทางการเมือง และปลาที่เกิดในห้องทดลองไม่ควรถูกส่งไปตายเพื่อสร้างภาพว่าเรายังรักษ์โลกอยู่ หากเรายังไม่ยอมคืนแม่น้ำให้ธรรมชาติอย่างแท้จริง

เพื่อให้การพัฒนาเป็นไปอย่างสมดุลกับระบบนิเวศและสิทธิของประเทศปลายน้ำ ควรมีข้อเสนอเชิงนโยบายดังต่อไปนี้:

  • สร้างกลไกระหว่างประเทศเพื่อบริหารจัดการแม่น้ำข้ามพรมแดน อย่างเท่าเทียม โปร่งใส และมีส่วนร่วม

  • เปิดเผยข้อมูลระดับน้ำและการระบายน้ำแบบเรียลไทม์ เพื่อเตรียมรับมือภัยแล้ง/น้ำท่วมในประเทศปลายน้ำ

  • ส่งเสริมพลังงานหมุนเวียนอื่น เช่น ลม แสงอาทิตย์ แทนการพึ่งเขื่อน

  • ศึกษาผลกระทบสะสมทางนิเวศอย่างรอบด้าน ก่อนอนุมัติโครงการพัฒนาในพื้นที่ลุ่มน้ำ

  • สนับสนุนการฟื้นฟูแม่น้ำและชนิดพันธุ์พื้นถิ่น เป็นแนวทางพัฒนาเชิงนิเวศ ไม่ใช่แค่กิจกรรมสัญลักษณ์

บทสรุป: พัฒนาอย่างไรไม่ให้ทำลายสิ่งที่มีค่าที่สุด

การปล่อยปลาสตอร์เจียนในแยงซีอาจดูเหมือนการแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม แต่หากไม่กล้ากลับไปมองที่ต้นเหตุ เช่น โครงสร้างการควบคุมแม่น้ำ และนโยบายพลังงานที่ส่งผลระยะยาว กิจกรรมเหล่านี้ก็เป็นเพียงการปลอบใจผู้ชมมากกว่าการแก้ปัญหาจริง

ประเทศที่พัฒนาแล้วจำนวนมากเริ่มหันหลังให้กับเขื่อน และมองหาแนวทางฟื้นฟูแม่น้ำอย่างยั่งยืน เพราะตระหนักได้ว่า ธรรมชาติไม่ใช่แค่ของเรา แต่เป็นของรุ่นถัดไปเช่นกัน

แม่น้ำควรเป็นพื้นที่ของชีวิต ไม่ใช่สนามอำนาจทางการเมือง และปลาที่เกิดในห้องทดลองไม่ควรถูกส่งไปตายเพื่อสร้างภาพว่าเรายังรักษ์โลกอยู่ หากเรายังไม่ยอมคืนแม่น้ำให้ธรรมชาติอย่างแท้จริง


แหล่งอ้างอิง

  • International Rivers: https://www.internationalrivers.org

  • Stimson Center's Mekong Dam Monitor: https://www.stimson.org/project/mekong-dam-monitor/

  • รายงาน MRC (คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง): https://www.mrcmekong.org

  • รายงาน FAO เรื่องผลกระทบของเขื่อนต่อความมั่นคงทางอาหารในลุ่มแม่น้ำโขง

  • หนังสือ “Dams and Development” โดย World Commission on Dams

  • บทวิเคราะห์จาก The Guardian และ National Geographic เกี่ยวกับโครงการรื้อเขื่อนในสหรัฐและยุโรป

  • ข้อมูลการฟื้นฟูแม่น้ำ Elwha จาก U.S. National Park Service: https://www.nps.gov/olym/learn/nature/elwha-ecosystem-restoration.htm

มหากาพย์ฝาขวด: จากพลาสติกชิ้นเล็กสู่คำถามใหญ่ของความเป็นมนุษย์

ฝาที่ติดขวด...เพื่ออะไร? ฝาขวดแบบใหม่ที่ "ติดอยู่กับขวด" หรือที่เรียกว่า tethered cap ได้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ที่หลายแบรนด์น้ำดื่ม...