วันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2568

ในโลกที่เหยียดกันไม่รู้จบ เราจะอยู่กับศักดิ์ศรีของมนุษย์อย่างไร

ในทุกซอกมุมของสังคม ไม่ว่าจะออนไลน์หรือออฟไลน์ การ "เหยียด" ดูเหมือนจะฝังรากลึกในวิธีที่มนุษย์มองกันและกัน คำพูดเล่น คำล้อเลียน หรือแม้แต่การมองผ่าน ๆ ล้วนสะท้อนสิ่งเดียวกัน — ความไม่เท่าเทียมที่หยั่งรากในใจคน

เราอาจเคยคิดว่า การเหยียดคือปัญหาของคนไม่รู้จักคิด แต่ความจริงมันลึกกว่านั้น เพราะบางครั้ง คนที่รู้จักคิด รู้จักเจ็บปวด รู้จักสำนึก ก็ยังเผลอเหยียดโดยไม่รู้ตัว

แล้วเราจะอยู่กับความจริงที่โหดร้ายขนาดนี้อย่างไร?


การเหยียดเริ่มจากอะไร?

มันไม่ได้เริ่มจากความเกลียด มันเริ่มจากความ "กลัว" — กลัวว่าจะไม่เหนือกว่า กลัวว่าจะไม่เป็นที่ยอมรับ กลัวว่าถ้าเราไม่ข่มคนอื่นไว้ เราจะเป็นฝ่ายถูกเหยียบเอง

มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ผูกความรู้สึกปลอดภัยไว้กับลำดับชั้น เราถูกสอนให้เปรียบเทียบตั้งแต่เด็ก ใครได้คะแนนมาก ใครหน้าตาดีกว่า ใครบ้านรวยกว่า แม้แต่ความดี ยังถูกจัดลำดับได้ เช่น "เธอดีกว่าฉัน" "เขาเสียสละมากกว่า"

ความกลัวจะด้อยจึงผลักให้เราหาที่ระบาย และการเหยียดกลายเป็นทางลัดของอัตตาที่ไม่มั่นคง


วังวนของการเหยียด: ไม่มีจุดสูงสุด มีแต่เหยื่อใหม่เสมอ

บางคนอาจคิดว่า หากเราพัฒนาตัวเองให้ดีพอ รวยพอ สวยพอ ฉลาดพอ เราจะพ้นจากการถูกเหยียด

แต่เปล่าเลย —

แม้แต่คนที่อยู่ในสถานะสูงสุด ก็ยังถูกเหยียดในรูปแบบอื่น คนรวย = โกง คนสวย = ปลอม คนดี = โลกสวย คนมีความรู้ = หยิ่ง คนอ่อนโยน = อ่อนแอ

นี่คือหลักฐานว่า ความเหยียดไม่มีเป้าหมายที่ตายตัว มันเคลื่อนไปเรื่อย ๆ หาคนใหม่เสมอ เพราะมันไม่ได้เกิดจากความผิดของเหยื่อ แต่มันเกิดจากความว่างเปล่าในใจของผู้เหยียดเอง

และถ้าถามว่า ใครอยู่บนสุดของห่วงโซ่นี้? คำตอบคือ — ไม่มีใครเลย


มนุษย์เหยียดเพราะเคยถูกเหยียด แล้ววนซ้ำ: บาดแผลแห่งชาติที่ยังไม่เคยสมาน

ประวัติศาสตร์ของหลายประเทศที่ดูเข้มแข็งในวันนี้ ล้วนเคยมีจุดตกต่ำที่ลึก และเจ็บ

รัสเซีย เคยเป็นจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ แต่ก็เคยถูกปกครองโดยชาวมองโกล ถูกมองว่าเป็นประเทศล้าหลังในยุโรป และหลังสหภาพโซเวียตล่มสลายในปี 1991 รัสเซียต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจ การลดบทบาทในเวทีโลก และการดูแคลนจากชาติตะวันตกอย่างเจ็บปวด ปมเหล่านี้ฝังลึกจนกลายเป็นความต้องการแสดงอำนาจเหนือชาติอื่น เพื่อเรียกคืนศักดิ์ศรี

เกาหลีใต้ เคยเป็นประเทศยากจนที่สุดแห่งหนึ่งหลังสงครามเกาหลีในปี 1950 ถูกญี่ปุ่นยึดครองนานกว่า 35 ปี และเคยถูกโลกตะวันตกมองข้ามอย่างสิ้นเชิง การที่เกาหลีประสบความสำเร็จในด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรมในช่วงหลังจึงกลายเป็นพลังผลักดันมหาศาลในการสร้างภาพลักษณ์ “เกาหลีเหนือกว่า” เพื่อหลุดพ้นจากความรู้สึกต่ำต้อยในอดีต แต่ขณะเดียวกัน ความสำเร็จนั้นกลับทำให้บางส่วนของสังคมเหยียดชาติที่ตนเคยมองว่า “ด้อยกว่า” เพื่อรักษาภาพลักษณ์ใหม่

ญี่ปุ่น เองก็เคยปิดประเทศ ถูกกดดันจากตะวันตกให้เปิดประเทศในยุคเมจิ ต่อมาพยายามพิสูจน์ความศิวิไลซ์ด้วยการล่าอาณานิคมในเอเชีย — จนนำไปสู่บาดแผลสงครามโลกครั้งที่สอง บางส่วนของสังคมญี่ปุ่นจึงยังคงสืบทอดมุมมองชาตินิยมเข้มข้น และมองว่าชาติอื่นด้อยกว่าโดยไม่รู้ตัว

แม้แต่ไทย ที่ไม่เคยตกเป็นอาณานิคม ก็ยังมีปมเรื่องการเปรียบเทียบกับโลกตะวันตก ความรู้สึก “ด้อย” ถูกกลบด้วยการเหยียดเพื่อนบ้านอย่างลาว พม่า กัมพูชา มองว่าเป็นแรงงาน เป็นบ้านนอก ทั้งที่จริงแล้วหลายประเทศเหล่านี้กำลังพัฒนาอย่างก้าวกระโดดไม่ต่างจากไทยเลย

ทั้งหมดนี้คือวัฏจักรของความเจ็บที่ไม่เคยถูกเยียวยา จึงกลายเป็นการทำร้ายผู้อื่นซ้ำ

เราหัวเราะคนอื่นเพื่อกลบความกลัวในตัวเอง เราทำเป็นไม่แคร์ เพราะเราเคยถูกทำให้รู้สึกไร้ค่า เราเลยเลือกจะไม่รู้สึกอีก — โดยการทำให้คนอื่นต้องรู้สึกแทน


แล้วเราจะอยู่กับโลกแบบนี้ยังไง?

แน่นอนว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนทั้งโลกได้ แต่เราสามารถเลือกที่จะไม่เป็นส่วนหนึ่งของความเหี้ยนั้น

และนี่คือ "หลักความถูกต้อง" ที่เราควรยืนอยู่บนนั้น แม้จะมีแค่เราคนเดียวที่ยังเหลืออยู่:

  1. ทุกคนมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ไม่ต้องสอบผ่าน ไม่ต้องดีเลิศ ก็มีสิทธิ์ถูกปฏิบัติอย่างเท่าเทียม

  2. ความแตกต่างไม่ใช่ความผิด แต่เป็นเงื่อนไขธรรมชาติของการมีอยู่

  3. การล้อเลียนที่ทำให้ใครรู้สึกต่ำ ไม่ใช่เรื่องตลก แต่คือการทำร้าย

  4. เราไม่จำเป็นต้องเข้าใจทุกคน แต่เราต้องไม่ทำให้เขารู้สึกไร้ตัวตน

  5. ถ้ามีคนถูกเหยียดตรงหน้าเรา และเราเงียบ = เราคือส่วนหนึ่งของปัญหา

  6. คนที่เคยเจ็บ จะไม่มีวันอยากให้คนอื่นเจ็บ ถ้าเขาจำความรู้สึกนั้นได้ดีพอ


และเมื่อวันหนึ่งโลกยังไม่ดีขึ้น…

อย่าเพิ่งสิ้นศรัทธาในตัวเอง เพราะการยืนหยัด แม้จะไม่มีใครมองเห็น ไม่ใช่เรื่องไร้ค่า

มันคือการยืนยันว่า เราเคยอยู่ที่นี่ เราเคยไม่เหยียบใคร เพื่อให้ตัวเองสูงขึ้น เราเคยเลือกจะเจ็บคนเดียว ดีกว่าทำให้คนอื่นต้องร้องไห้เพราะคำพูดเรา

และนั่นแหละ คือมนุษย์ในแบบที่โลกควรมีมากขึ้น

ไม่ใช่มนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ แต่เป็นมนุษย์ที่กล้าไม่เหมือนฝูงชน

ในโลกที่ไม่มีใครดีพอ — ขอแค่เราไม่เหี้ยเพิ่มก็พอแล้ว

รัฐที่เกิดจาก 'ความเป็นเหยื่อ' และการผลิตซ้ำอำนาจผ่านการกดขี่ – กรณีศึกษาจาก 10 ประเทศ

ในบริบทของรัฐศาสตร์สมัยใหม่ การก่อตัวของรัฐชาติไม่เพียงเป็นผลลัพธ์ของเจตจำนงร่วมทางอุดมการณ์หรือผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ แต่ยังมีมิติที่ลึกซึ้ง...