วันเสาร์, พฤศจิกายน 03, 2550

มัวจ้องแต่เขา ตัวเราไม่เห็น...

ผมค้นพบว่า...

ถ้าหากเรามัวแต่จับผิด เพ่งโทษผู้อื่นอยู่เสมอได้
แสดงว่า อย่างน้อย เราเป็นผู้รู้ว่าสิ่งใดดี สิ่งใดไม่ดี...

แต่นั่น ก็ต้องอยู่บนพื้นฐานแห่งความ "รู้จริง" ด้วย
เพราะถ้ารู้แบบโง่ๆ สุดท้าย ก็คือการจับผิด ที่ผิดซ้ำซ้อน

และวงจรความโง่ ก็จะไม่รู้จบสิ้น
เพราะเราไม่ขจัดต้นตอความโง่ของตัวเองก่อน

.

จากนั้น หากมัวแต่เพ่งโทษผู้อื่นไปเรื่อยๆ

เคยย้อนมีสติกลับมาถามตัวเองหรือไม่ว่า
สุดท้ายแล้ว สิ่งที่เราจับผิดผู้อื่นอยู่เนืองๆนั้น

เราได้กระทำเสียเองบ้างหรือเปล่า...

เพราะจากการสังเกตุเห็นในหลายครั้ง
ผู้ที่จับผิด ก็มักจะกระทำผิดเสียเองเสมอ

โดยเบื้องต้นแห่งการทำนั้น มักเกิดจาก
1. ยอมผ่อนปรนบรรทัดฐานของตัวเอง
ทำนองว่าเขาทำไม่ได้เด็ดขาด แต่ถ้าเราทำก็ลดหย่อนได้บ้าง

2. เห็นแต่โทษของผู้อื่น แต่ของตนกลับตาบอด มองไม่เห็น
อันนี้เรียกว่าเป็นขั้นกว่า เพราะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำผิดไปเสียแล้ว

.

เอาเป็นว่า ลองมามีสติพิจารณากันดูอย่างสม่ำเสมอกันดีกว่าว่า

สิ่งใดที่เรามักจะว่าผู้อื่น สิ่งนั้นแล เรามักจะกระทำเสียเอง

จะโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตามเถอะ
แต่ตอนนี้ถ้าเรารู้แล้ว เห็นแล้ว และยอมรับว่ามันไม่ดีจริงๆ
เหมือนที่เราเคยเพ่งโทษผู้อื่น ไม่ผิดเพี้ยน

ก็เป็นนิมิตหมายอันดีที่จะแก้ไข และเลิกกระทำความไม่ดีอันนั้น

ตนเตือนตนนั่นแหละดี

อย่าปล่อยจนกระทั่งคนอื่นมาเตือน
โดยเฉพาะในเรื่องที่เราก็เคยพร่ำเตือนคนอื่น

นั่นคือความน่าอายอย่างที่สุดของผู้ที่ "ติดดี" อย่างเราๆท่านๆ นั่นเอง...

Technorati Tags: , , , , ,

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เชิญแสดงความคิดเห็น

การท่องเที่ยวเชิงเหลื่อมล้ำ

ประเทศไทยเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของประเทศที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยเฉพาะคนจากประเทศที่มีรายได้สูงกว่า เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป และประ...