วันพุธที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

Thyssenkrupp: ประวัติ ความรุ่งเรือง และการเปลี่ยนผ่านของอาณาจักรเหล็กจากเยอรมนี

Thyssenkrupp AG คือหนึ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เก่าแก่และทรงอิทธิพลที่สุดของเยอรมนี มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 จนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการผลิตเหล็ก วิศวกรรมหนัก อาวุธยุทโธปกรณ์ และเทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตและยานยนต์ บริษัทเกิดจากการควบรวมของสองราชวงศ์อุตสาหกรรมเหล็ก ได้แก่ ตระกูล Thyssen และ Krupp ซึ่งต่างมีบทบาทอย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของเยอรมนีในช่วงยุคจักรวรรดิ และกลายมาเป็นเสาหลักด้านอุตสาหกรรมของชาติในเวลาต่อมา

⛏️ จุดเริ่มต้นและยุคทองของ Krupp และ Thyssen

  • Krupp เริ่มต้นในศตวรรษที่ 19 โดยมีฐานที่มั่นอยู่ที่เมืองเอสเซิน (Essen) ซึ่งต่อมาเป็นศูนย์กลางด้านอุตสาหกรรมของเยอรมนี Krupp มีชื่อเสียงจากการเป็นผู้ผลิตปืนใหญ่ รถถัง และอาวุธในสงครามโลกทั้งสองครั้ง จนได้ฉายาว่า "โรงงานปืนของยุโรป"

  • Thyssen ก่อตั้งโดย August Thyssen โดยมีธุรกิจหลักคือการผลิตเหล็กและถลุงเหล็กในเขต Ruhr ซึ่งเป็นเขตอุตสาหกรรมสำคัญที่สุดของเยอรมนีในยุคอุตสาหกรรม

  • ปี 1999 ทั้งสองตระกูลควบรวมกิจการเป็น Thyssenkrupp AG กลายเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีเครือข่ายไปทั่วโลก และมีบทบาทครอบคลุมหลายภาคส่วนทั้งด้านเหล็ก วิศวกรรมอุตสาหกรรม ลิฟต์ เครื่องจักร และอาวุธ

🌀 ยุคแห่งการลงทุนเชิงรุกและความท้าทายทางการเงิน

ในช่วงปี 2006–2011 บริษัทดำเนินกลยุทธ์การลงทุนในระดับโลก โดยเน้นการขยายการผลิตเหล็กไปยังต่างประเทศ เพื่อลดต้นทุนวัตถุดิบและเข้าใกล้ตลาดผู้บริโภค เช่น:

  • ลงทุนกว่า 12,000 ล้านยูโรในการสร้างโรงงานผลิต slab เหล็กในบราซิล (CSA) และโรงงานรีดเหล็กในรัฐ Alabama สหรัฐอเมริกา

  • อย่างไรก็ตาม โครงการเหล่านี้กลับกลายเป็นหายนะทางการเงิน เนื่องจากปัญหาด้านคุณภาพการก่อสร้าง การบริหารจัดการที่ล่าช้า ค่าขนส่งที่สูงกว่าคาด และตลาดที่ผันผวน

  • ผลที่ตามมาคือบริษัทขาดทุนสะสมกว่า 8,000 ล้านยูโร และทำให้เรตติ้งทางการเงินตกต่ำ หุ้นตกต่ำ และถูกกดดันจากนักลงทุนให้ปรับโครงสร้างครั้งใหญ่

❌ การปรับโครงสร้างองค์กรและการขายกิจการที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก

Thyssenkrupp เริ่มปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ในช่วงหลังปี 2011 โดยมีเป้าหมายเพื่อลดภาระทางการเงินและมุ่งเน้นเฉพาะกิจการที่ทำกำไรหรือสามารถเติบโตในระยะยาวได้ ดังนั้นจึงเริ่มทยอยขายกิจการที่ไม่ใช่ core business ออกไป

🔍 รายชื่อกิจการที่ถูกขายออก

ปี กิจการที่ขาย ผู้ซื้อ รายละเอียด
2011 XERVON GmbH REMONDIS, เยอรมนี บริษัทบริการโรงงานอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน
2012 Inoxum (Stainless Steel) Outokumpu, ฟินแลนด์ กลุ่มธุรกิจสแตนเลสขนาดใหญ่ที่รวมถึงโรงงานในยุโรปและอเมริกา
2012 Waupaca Foundry KPS Capital Partners, USA โรงหล่อเหล็กในสหรัฐอเมริกา ผลิตชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์
2013 Tailored Blanks + Lasertechnik WISCO, จีน ธุรกิจเชื่อมเหล็กด้วยเลเซอร์สำหรับผลิต Tailored Blanks
2014 Steel USA (Alabama) ArcelorMittal + Nippon Steel โรงงานรีดเหล็กขั้นปลาย มูลค่ากว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์
2017 CSA (Brazil) Ternium, Argentina โรงงานถลุง slab เหล็กในบราซิลที่ขาดทุนต่อเนื่อง
2020 TK Elevator Advent + Cinven + RAG Foundation ธุรกิจลิฟต์ที่ทำกำไรมากที่สุดของบริษัท ขายได้กว่า 17 พันล้านยูโร
2021 Mining Division FLSmidth, เดนมาร์ก ธุรกิจผลิตเครื่องจักรกลเหมืองแร่
2021 Infrastructure FMC Beteiligungs KG หน่วยงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน
2023 Electrical Steel India JSW Steel + JFE Steel ธุรกิจเหล็กไฟฟ้าในอินเดีย
2024 Industries India Paharpur + Protos Engineering ธุรกิจวิศวกรรมอุตสาหกรรมในอินเดีย
2024 20% Steel Europe EP Corporate Group (เช็ก) ขายหุ้นบางส่วนของ Steel Europe ให้พันธมิตรร่วมทุนเพื่อเสริมสภาพคล่อง

🌎 การเปลี่ยนแปลงของกิจการ Lasertechnik

  • Thyssenkrupp Lasertechnik GmbH เคยเป็นหน่วยงานเทคโนโลยีที่พัฒนาเครื่องเชื่อมเลเซอร์อัตโนมัติสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์

  • ปี 2013 กิจการนี้ถูกขายให้กับ WISCO ซึ่งเป็นบริษัทเหล็กของจีน และต่อมารวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ Baosteel ภายใต้กลุ่ม China Baowu Steel Group

  • ปัจจุบันดำเนินกิจการภายใต้ชื่อใหม่คือ Baosteel Lasertechnik GmbH ซึ่งยังคงตั้งอยู่ที่เมือง Ravensburg เยอรมนี


⚙️ ธุรกิจหลักที่ยังคงอยู่ในเครือ Thyssenkrupp (ปี 2025)

แม้จะลดขนาดองค์กรลงอย่างมาก แต่ Thyssenkrupp ยังดำเนินธุรกิจสำคัญใน 5 กลุ่มหลัก:

  1. Steel Europe – ยังคงเป็นหนึ่งในผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ในยุโรป แม้จะอยู่ระหว่างการปรับลดกำลังการผลิต และหาพันธมิตรร่วมทุนเพื่อรับมือกับต้นทุนที่สูงขึ้น

  2. Marine Systems – ผลิตเรือดำน้ำและเรือรบให้กับหลายกองทัพ เช่น เยอรมนี อิสราเอล และอียิปต์ โดยเน้นเทคโนโลยีเรือดำน้ำพลังงานไฮโดรเจน

  3. Automotive Technology – ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ระดับ high-precision เช่น พวงมาลัยไฟฟ้า ระบบกันสะเทือน เพลาขับ และโครงสร้างอลูมิเนียม

  4. Materials Services – ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายวัสดุและระบบโลจิสติกส์อุตสาหกรรม มีเครือข่ายทั่วโลก รวมถึงระบบบริหารซัพพลายเชนอัตโนมัติ

  5. Industrial Solutions – วิศวกรรมก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรม เช่น โรงงานปุ๋ย โรงงานเคมี พลังงาน และระบบสายการผลิต

🧭 สถานะและทิศทางของกิจการในปัจจุบัน

  • พยายามเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรมสะอาด โดยเน้นพัฒนา Hydrogen-based steel และ เทคโนโลยีลดคาร์บอน

  • เผชิญปัญหาเรื่องต้นทุนพลังงานในยุโรป และการแข่งขันจากเหล็กราคาถูกจากจีน

  • มีแผนปลดพนักงานกว่า 11,000 คนภายในปี 2030 เพื่อปรับโครงสร้างกำลังผลิต

  • กลุ่มทุนใหม่ EP Corporate Group จากเช็กเข้ามาถือหุ้นใน Steel Europe เพื่อเสริมเงินทุนและพัฒนาเทคโนโลยีสีเขียวร่วมกัน


✅ สรุปภาพรวม

Thyssenkrupp คือภาพสะท้อนของบริษัทยักษ์ใหญ่จากยุคอุตสาหกรรมหนักที่ต้องเผชิญความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก การแข่งขันที่รุนแรงจากตลาดใหม่ และแรงกดดันด้านสิ่งแวดล้อม แม้จะต้องขายกิจการหลักหลายส่วนเพื่อความอยู่รอด แต่ก็ยังคงรักษาจุดแข็งไว้ในกลุ่มเทคโนโลยีที่มีศักยภาพสูง เช่น เรือดำน้ำ พลังงานทางเลือก และระบบอัตโนมัติ หากบริษัทสามารถเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำได้สำเร็จ ก็อาจกลับมาเป็นผู้นำในยุคอุตสาหกรรมใหม่ได้อีกครั้ง

เมื่อผู้นำอ่อนทักษะการทูต: ศึกชายแดนที่ไทยกลายเป็นฝ่ายพ่าย ทั้งที่ไม่ควรพ่ายเลย

บทนำ: เมื่อคลิปเสียงกลายเป็นดาบกลับมาฟันตัวเอง การสนทนาในคลิปเสียงความยาว 17 นาที ระหว่างนายกรัฐมนตรีไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และสมเด็จฮุน ...