"กระทิงตาย"อุทยานยอมรับหาคนรับผิดชอบไม่ได้
8 มกราคม 2551 17:38 น.
กระทิงเพศผู้ ที่ถูกพรานป่าปืนยิงบาดเจ็บสาหัส ไม่สามารถอดทนต่อพิษบาดแผลได้ ตายลงเมื่อคืนวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา
นายสามารถ สุมโนจิตราภรณ์ ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยาน แห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงการตายของกระทิงเพศผู้ ที่ถูกพรานป่าใช้ปืนยิงเพื่อล่าจนบาดเจ็บสาหัส แม้ว่าเจ้าหน้าที่ และสัตวแพทย์จากหลายหน่วย งานจะพยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ว่า กระทิง ไม่สามารถอดทนต่อพิษบาดแผลได้ ทำให้ตายลงเมื่อ คืนวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้จากบาดแผลที่ถูกทำร้ายพบว่ามีหลายแห่งในอวัยวะต่างๆ โดยกระทิงตัวนี้ ถูกยิงด้วยปืนไรเฟิล บริเวณสันหลัง เป็นแผลฉกรรจ์ คาดว่าถูกยิงมานานกว่าเดือนแล้ว เพราะสภาพ แผลตอนที่เจ้าหน้าที่พบนั้น มีหนอนขึ้น บริเวณข้อเท้า ซึ่งคาดว่าถูกกับดักแล้วมันพยายามที่จะกระชากทำให้กระดูกข้อเท้าหลุด รวมทั้งบริเวณสะโพก ก็หลุดเช่นกัน นอกจากนี้บริเวณใบหน้ายังถูกยิงด้วยปืน ลูกซองอัดเข้าเต็มที่ ทำให้อาการเมื่อเจ้าหน้าที่พบนั้น ถือว่าเพียบหนักแล้ว
นายสามารถ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่พยายามที่ให้การรักษาอย่างเต็มที่ โดยระดมสัตวแพทย์จากหลายหน่วยงานมาดูแล ทั้งนี้ในวันที่พบวันแรกตนก็เดินทางไปดู ก็ยังเห็นว่าน่าจะดีขึ้น แต่ต่อมาพบว่าอาการทรุดลงอย่างรวดเร็วและตายในที่สุด
“จากสภาพร่างกายของมันถ้าเปรียบเทียบกับกระทิงปกติทั่วไปแล้ว จะเห็นได้ชัดว่าอาการเพียบหนักมาก เพราะโดยปกติหากกระทิงป่าอยู่ในสภาพปกติดี ผิวจะมันเป็นเลื่อม คนทั่วไปไม่สามารถ เข้าใกล้ได้ เพราะจะดุมาก แต่กระทิงตัวนี้ไม่มีแรงที่จะต่อสู้เลย นอกจากนี้ยังพบด้วยว่าน้ำหนักของมันก็
ลดลงเหลือเพียง 800-900 กิโลกรัมเท่านั้น จากปกติที่เชื่อว่าจะมีน้ำหนักเกือบสองตันทีเดียว” นาย สามารถกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงการหาตัวนายพรานที่เป็นผู้ยิงกระทิงว่าขณะนี้ดำเนินการไปถึงไหนแล้ว ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กล่าวว่า จากการสืบสวนทางด้านลับ โดยสอบถามจากเครือข่ายนายพรานที่ นิยมการล่าสัตว์ด้วยกัน แต่ปัจจุบันเลิกกระทำแล้ว ทราบว่ายังเหลืออยู่อีกคนหนึ่งชื่อเล่นว่านาย “เอ๊ะ” เป็นชาว จ.ระยอง ที่ยังไม่เลิก ซึ่งถือว่าเป็นคนนอกพื้นที่ทำให้ไม่รู้รายละเอียดมากนัก อย่างไรก็ตามเจ้า หน้าที่กำลังพยายามตรวจสอบอยู่ และหากพบตัวก็คงจะทำได้เพียงแต่เชิญตัวมาพูดคุยเพื่อขอให้เลิก การกระทำดังกล่าว แต่ไม่สามารถจับกุมดำเนินดคีอย่างไรได้ เนื่องจากไม่มีหลักฐาน หรือ พบการกระทำซึ่งหน้า
“เรื่องข้อบังคับทางกฎหมายนั้นเราคงจะทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่เห็นว่าเขากระทำการซึ่งหน้า เพียงแต่รับรู้ว่าเป็นคนๆ นี้กระทำ ก็คงจะทำได้แค่เชิญตัวมาพูดคุยอย่างลูกผู้ชายให้เลิกการคึกคะนองล่าสัตว์แบบนี้ซะ ซึ่งที่ผ่านมาเรายังพบเห็นการซื้อขายเนื้อสัตว์ป่าอยู่ อย่างเนื้อกระทิงพวกนี้ราคากิโลละ 400 บาท และก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ได้ปะทะกับกลุ่มนายพรานในพื้นที่ป่าห้วยขาแข้ง และพบว่ามีการล่าได้เนื้อค่างมาถึง 30 กิโลกรัมด้วย”นายสามารถกล่าว และว่า
ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กล่าวอีกว่า ในส่วนของค่างแว่น ที่ จ.ชุมพร ที่ถูกไฟ ช็อตนั้น หลังเกิดเหตุตนได้ประสานงานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เพื่อขอให้มีการเปลี่ยนสายไฟใน บริเวณดังกล่าว เนื่องจากเป็นสายไฟรุ่นเก่า ที่เปลือยอยู่ ทำให้เป็นอันตรายต่อค่างแว่น และล่าสุดทราบ ว่า ผู้ว่าฯ ได้ประสานงานไปยังการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในการเปลี่ยนสายไฟแล้ว
http://www.komchadluek.net/2008/01/09/n001_184747.php?news_id=184747
.
แล้วก็เป็นไปตามคาด... ตายฟรี จับมือใครดมไม่ได้...
คงเห็นว่าเป็นกระทิงเป็นแค่ "สัตว์ป่าหายาก" ล่ะมัง
จับคนผิดได้ก็ไม่ได้หน้า ไม่ได้เงิน ไม่ได้ยศ ไม่ได้ตำแหน่ง ไม่ได้ผลงาน...
ถ้าเป็น รมต. ตาย... คงวิ่งหาหัวกระสุน หาปืนกระบอกที่ยิง
ดีไม่ดี สาวไปถึงคนยิง คนบงการได้อีกต่างหากนั่น...
งานแบบนี้มันไม่คุ้มค่าความเก่งเท่าไหร่ ก็ปล่อยให้ตายฟรีไป ไม่เหนื่อยด้วย
คล้ายๆคดีฆ่าตัดตอนตอนนั้นล่ะมังครับ... ตายฟรีกันไปหลายอยู่
ก็ใช้ชีวิตกันต่อไป ยังไงก็เป็นข่าวบ้าง ไม่เป็นข่าวบ้างอยู่แล้ว
แล้วแต่ว่าข่าวไหนจะขายได้หรือขายไม่ได้...
ก็อีกนั่นแลฯ....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เชิญแสดงความคิดเห็น