วันศุกร์, ธันวาคม 14, 2550

ไปวัดพระบาทน้ำพุ...

เดี๋ยวจะหาว่าแอบเบี้ยว...

เอารูปที่ไปพระบาทน้ำพุมาลงให้ดูเสียหน่อย...

.

เริ่มต้นเดินทางแต่เช้า ประมาณ 8 โมง
(นี่แหละ เช้าสุดๆละ...)

วันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม 2550

ด้วยเส้นทางดังนี้... ดูเอา ขี้เกียจอธิบายครับ...

เป็นเส้นทางที่วิ่งบนทางด่วนล้วนๆไปครึ่งทาง
เสียค่าทางด่วนราว 90 บาทมั๊งครับ ถ้าจำไม่ผิด...

ระยะทางประมาณ 160 กม. บวกลบเล็กน้อย

ไปถึงทางเข้าวัด ต้องเข้าทางเดียวกับวัดหนองบัวขาว

ฟังเขามา เขาว่าเป็นเพราะวัดนี้อยู่มาก่อน
ทางเข้าเลยเป็นซุ้มของวัดนี้

ตอนแรกนึกว่าวิ่งแต่เส้นทางด่วน จะได้ผ่านดูทุ่งทานตะวัน
ที่ไหนได้ ใครไม่รู้ไปปลูกเอาไว้ก่อนทางเข้า 2 แปลงได้

เลยแอบลงไปเดินถ่ายรูปเล่น ทำเนียนเป็นทุ่งทานตะวันยอดฮิตซะเลย...

มาถึงราว 11 โมงได้ แดดร้อนมาก
รถเยอะจนต้องจอดเรียงมาตามถนนทางเข้า แล้วค่อยเดินเข้าไปที่วัด

รู้สึกว่าทางเดินผ่านเข้าวัด จะมีวัดอีกแห่งอยู่บนเขาด้วย

เข้าวัดมา ก็เจอลานจอดรถ และห้องน้ำใหม่...

ห้องน้ำด้านหน้า ติดกับลานจอดรถในวัด
สร้างใหม่ครับ ยังไม่เสร็จดีเท่าไหร่ แต่เปิดให้ใช้แล้ว

ห้องน้ำหญิงที่นี่น่ากลัวไม่ใช่เล่น ประตูลอย มองเห็นเท้าด้วย... ^_^"

และสิ่งที่พลาดไม่ได้เมื่อมาวัดพระบาทน้ำพุคือ....

ยังครับ... ไม่ถึงขนาดไปเยี่ยมผู้ป่วยโรคเอดส์
แต่เป็นการเข้าชมพิพิฒภัณฑ์ชีวิตต่างหาก...

ในนั้นจะตั้งแสดงซากศพของผู้ป่วยที่เสียชีวิตด้วยโรคเอดส์
และได้บริจาคร่างกายให้ไว้เพื่อเป็นอุทาหรณ์แก่คนรุ่นหลัง

มีทั้งวัยรุ่นติดยา กระเทย โสเภณี ฯลฯ

และเด็กที่ติดเชื้อจากครรภ์มารดา...

โดยทุกศพจะมีป้ายเขียนไว้ข้างๆ เพื่อบอกประวัติคร่าวๆ
และสาเหตุที่ทำให้ติดเชื้อเอดส์

ผมรีบเดินออกจากที่นี่ด้วยความรู้สึกครั่นคร้าม ปนสยอง
ไม่สามารถอยู่นานได้ เพราะแต่ละศพ ก็น่ากลัวไม่ใช่เล่นๆ

นึกถึงทีไร ไข่ฝ่อ เอ๊ย จิตใจห่อเหี่ยวทุกที...

ถัดมาอีกหน่อย ก็เป็นเตาเผาศพ

เป็นเตาแบบไฟฟ้าสี่เตา ท่าทางจะเจ๋งกว่าทุกวัดที่ผมเคยไปเลยครับ
เพียงแต่ว่าตอนไปยังไม่มีการเผา ก็เลยไม่ได้เห็นการทำงาน

และจุดมุ่งหมายของการมาครั้งนี้คือมาบริจาค
เราก็เดินต่อเข้าไปด้านใน ด้านซ้าย จะมีจุดรับบริจาคอยู่ครับ

เข้าไปเลย มีโต๊ะรับ ออกใบอนุโมทนา พร้อมประกาศออกไมค์ให้เสร็จสรรพ

วันไป โฆษก พูดแบบหายใจทางเหงือก
พูดไม่หยุดเลย ลุงแกพูดเรื่อยเปื่อยอะไรของแกไม่รู้ แต่บางทีก็ขำดี

ถึงตอนเที่ยง ของกินเพียบครับ
ได้ยินมาว่าวันที่ไปเป็นวันเกิดเจ้าอาวาส

เปิดเพลง Happy Birthday กันสนั่น...
เปิดจริงๆ ไม่ได้พูดเล่น เฮฮาปาจิงโกะมาก

ของกินก็เป็นร้านต่างๆ มาเปิดซุ้มทำแจกฟรีครับ

 

มีเพียบ ทั้งผัดไทย ส้มตำ หอยทอด ขนม ฯลฯ

ถึงเนื้อหนังจะน้อยไปซักหน่อย และก็ต้องฝ่าฟันแย่งกันยากเย็น
แต่ก็พอกินประทังชีวิตได้ รสชาติไม่เลวร้ายครับ

เนื่องจากคนเยอะ และกลุ่มที่ไปด้วยไม่ค่อยพร้อม
เลยไม่ได้เข้าไปโซนด้านใน ที่ผู้ป่วยอยู่กัน

แต่เท่าที่ฟังเขาคุยกัน เจ้าหน้าที่ที่ดูแลต้อนรับ
ก็เป็นผู้ป่วยนั่นแหละครับ คนที่แข็งแรงดี ก็จะออกมาทำงานช่วยวัด

ผมไม่รู้สึกแตกต่างเลย เขาก็เหมือนคนทั่วไปนี่แหละ
เพียงแต่จะสีหน้าหมองคล้ำกันหน่อยเท่านั้นเอง

เอาว่า ผู้ป่วยสมัยนี้ไม่ได้ดูน่ากลัวเหมือนแต่ก่อนแล้ว
ยามันดี กินแต่เนิ่นๆ อยู่ได้แน่ๆ 20-30 ปี แถมไม่ออกอาการด้วย

ขาออกจากวัด คนก็ยังเยอะอยู่
รถที่จอด ก็แทบไม่ลดปริมาณลงเลย

จอดเรียงกันยาวเปื้อยยยย อย่างที่เห็น
ต้องอาศัยรถตู้บริการของวัด พาออกมาที่จอดให้

แล้วก็เดินทางกลับเส้นมอเตอร์เวย์แทน
เพราะเบื่อเส้นทางเดิม เลี้ยวเยอะไปหน่อย...

.

อ้อ... แล้วก็คนที่ไปบริจาค
จะได้ของที่ระลึกด้วย เป็นโปสเตอร์ แผ่นพับ CD ฯลฯ

และก็นี่ครับ สายถัก "รู้รักสามัคคี"

เอาไว้ใส่เท่ๆ ไม่ซ้ำใครดีครับ...

.

จบแล้ว ไม่เห็นมีอะไรแปลกประหลาดเลยเนอะ

เอามาเล่าให้ฟังกันเล่นๆก็แล้วกันครับ...

แท็กของ Technorati: {กลุ่มแท็ก},,,,,,,,,

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เชิญแสดงความคิดเห็น