จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง
ปี 2015 รัฐสภาเวียดนามได้ผ่าน ประมวลกฎหมายแพ่งฉบับใหม่ (Civil Code) โดยมีมาตรา 37 ระบุสิทธิให้ผู้ที่ "เปลี่ยนเพศแล้ว" สามารถแก้ไขข้อมูลสถานะทางทะเบียน (hộ tịch) ได้ เช่น การเปลี่ยนเพศในบัตรประชาชน หนังสือเดินทาง ใบสูติบัตร และเอกสารทางราชการอื่น ๆ กฎหมายนี้เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2017 และถูกมองว่าเป็นก้าวย่างสำคัญด้านสิทธิมนุษยชนสำหรับชุมชนข้ามเพศในเวียดนาม
ในช่วงเวลานั้น สื่อมวลชนและนักกิจกรรมสิทธิพลเมืองต่างพากันเฉลิมฉลอง หลายคนเรียกเหตุการณ์นี้ว่า "ช่วงเวลาประวัติศาสตร์" เพราะถือเป็นครั้งแรกที่รัฐเวียดนามยอมรับสถานะของคนข้ามเพศอย่างเป็นทางการในระดับโครงสร้างทางกฎหมาย หลังจากที่ประเด็นนี้ถูกผลักดันและถกเถียงมาหลายปี
ความคาดหวังของสังคม
การประกาศใช้กฎหมายดังกล่าวสร้างความหวังครั้งใหญ่ให้กับชุมชน LGBTQ+ และผู้ข้ามเพศโดยเฉพาะ:
-
ผู้ข้ามเพศหวังว่าจะสามารถ เปลี่ยนเพศในเอกสารทางราชการได้จริง ทำให้ชีวิตประจำวัน เช่น การสมัครงาน การเดินทาง การเข้าถึงบริการสาธารณะ สอดคล้องกับอัตลักษณ์ของตนเอง
-
นักกิจกรรมคาดว่าจะเกิดการปฏิรูปในระบบสาธารณสุข โดยเปิดให้โรงพยาบาลเวียดนามสามารถทำการผ่าตัดยืนยันเพศ (gender-affirming surgery) ได้ ไม่จำกัดเฉพาะผู้ที่เกิดมามีลักษณะเพศกำกวม (intersex) เท่านั้น แต่ให้สิทธิแก่ผู้ที่มีภาวะ Gender Dysphoria ทุกคน
-
นักสิทธิมนุษยชนและนักกฎหมายยังมองว่ากฎหมายนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการต่อสู้เพื่อสิทธิอื่น ๆ ต่อเนื่อง เช่น การสมรสเพศเดียวกัน การคุ้มครองด้านการทำงาน และสิทธิในการเลี้ยงดูบุตรบุญธรรม
ความเป็นจริงหลังปี 2017
แม้กฎหมายหลักจะประกาศใช้ แต่ในทางปฏิบัติกลับพบปัญหามากมาย:
-
ขาดกฎหมายลูก (implementing law) ที่ระบุขั้นตอน วิธีการ และหลักฐานที่ใช้ยื่นขอเปลี่ยนเพศในเอกสาร เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นหลายแห่งไม่กล้าดำเนินการเพราะไม่มีแนวทางชัดเจน
-
การไม่ยอมรับเอกสารแพทย์ต่างประเทศ คนเวียดนามจำนวนมากเดินทางไปผ่าตัดที่ไทย ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผ่าตัดข้ามเพศ แต่เมื่อกลับมา เวียดนามยังไม่มีข้อกำหนดชัดเจนว่าหลักฐานทางการแพทย์จากต่างประเทศสามารถนำมาใช้ได้หรือไม่
-
ระบบสาธารณสุขภายในประเทศยังจำกัด การผ่าตัดแปลงเพศในเวียดนามยังไม่เปิดกว้าง ขาดบุคลากรเฉพาะทาง และไม่อยู่ในบริการสาธารณสุขที่รัฐครอบคลุม
ผลลัพธ์คือ แม้จะมีสิทธิถูกประกาศในกฎหมาย แต่จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีข่าวหรือกรณีที่บุคคลสามารถเปลี่ยนเพศในเอกสารทางราชการได้สำเร็จจริง ชีวิตประจำวันของคนข้ามเพศจึงยังเต็มไปด้วยอุปสรรค
ร่างกฎหมายใหม่: ความหวังที่ยังรออยู่
ในปี 2023–2024 กระทรวงยุติธรรมเวียดนามได้เผยแพร่ ร่างกฎหมายยืนยันเพศ (Gender Affirmation Law / Gender Reassignment Law) ซึ่งมีรายละเอียดที่มากกว่าเดิมและถูกออกแบบมาเพื่อปิดช่องว่างที่กฎหมายแพ่งทิ้งไว้:
-
ผู้ยื่นคำขอต้องมีอายุอย่างน้อย 18 ปี (หรือ 16–18 ปีถ้ามีความยินยอมจากผู้ปกครอง)
-
ต้องได้รับการวินิจฉัยภาวะ "Gender Dysphoria" อย่างเป็นทางการจากแพทย์ที่ได้รับการรับรอง
-
ต้องได้รับ "ใบรับรองการเปลี่ยนเพศ (gender recognition certificate)" จากหน่วยงานรัฐจึงจะสามารถไปเปลี่ยนเอกสารราชการได้
-
ร่างกฎหมายยังกล่าวถึงการรับรองสิทธิทางสุขภาพ เช่น การเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่ปลอดภัยและการให้คำปรึกษาทางจิตวิทยา
แม้ร่างกฎหมายนี้จะถูกมองว่าเป็นความหวังครั้งใหม่ แต่จนถึงขณะนี้ยังเป็นเพียงร่างที่อยู่ระหว่างพิจารณาและยังไม่ถูกประกาศใช้จริง ทำให้สถานะของผู้ข้ามเพศในเวียดนามยังคงอยู่ในสภาพ “สิทธิมีบนกระดาษ แต่ชีวิตจริงยังเต็มไปด้วยข้อจำกัด”
สถานะปัจจุบัน (2025)
-
สิทธิตามกฎหมายหลักมีอยู่แล้ว: ประมวลกฎหมายแพ่งปี 2015 เปิดช่องไว้ตั้งแต่ปี 2017 แต่ยังไม่ถูกใช้จริงในเชิงปฏิบัติ
-
ยังไม่มีตัวอย่างสำเร็จจริง: ไม่มีรายงานอย่างเป็นทางการว่ามีใครได้เปลี่ยนเพศในบัตรประชาชนหรือทะเบียนราษฎรแล้ว
-
ร่างกฎหมายลูกยังอยู่ระหว่างการพิจารณา: คาดว่าอาจมีผลบังคับใช้ในช่วงปี 2026 หรือหลังจากนั้น
-
สิทธิการสมรสเพศเดียวกันยังไม่ถูกยอมรับ: แม้คนข้ามเพศที่เปลี่ยนเพศทางกฎหมายแล้วจะสามารถแต่งงานกับเพศตรงข้ามตามเอกสารได้ แต่คู่รักเพศเดียวกันที่ไม่ได้เปลี่ยนเพศยังถูกกันออกจากสิทธิการสมรส
-
ทัศนคติสังคมกำลังเปลี่ยนแปลง: งานวิจัยและการสำรวจความคิดเห็นชี้ว่าคนรุ่นใหม่ในเวียดนามมีแนวโน้มสนับสนุนสิทธิของชุมชน LGBTQ+ มากขึ้น แต่ทัศนคติของสังคมโดยรวมยังมีความอนุรักษนิยมสูง
บทสรุป
เรื่องราวของกฎหมายการเปลี่ยนเพศในเวียดนามเป็นภาพสะท้อนของทั้งความก้าวหน้าและความท้าทายที่ดำเนินไปพร้อมกัน:
-
ก้าวหน้า: เพราะเวียดนามเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ประกาศสิทธิในการเปลี่ยนเพศในกฎหมายแพ่ง ถือเป็นการยอมรับที่สำคัญในเชิงสัญลักษณ์
-
อุปสรรค: การขาดกฎหมายลูก ขั้นตอนปฏิบัติที่ยังไม่ชัดเจน และโครงสร้างสาธารณสุขที่ยังไม่พร้อม ทำให้สิทธิที่มีอยู่ยังไม่สามารถใช้งานได้จริง
สำหรับชุมชนข้ามเพศเวียดนาม ความหวังยังคงฝากไว้กับการผลักดัน “Gender Affirmation Law” และการเปลี่ยนทัศนคติของสังคม หากกฎหมายนี้ถูกบังคับใช้อย่างสมบูรณ์ จะไม่เพียงแต่ทำให้สิทธิเหล่านี้ออกจากกระดาษ แต่ยังอาจเป็นก้าวสำคัญสู่การต่อสู้เพื่อสิทธิที่เท่าเทียมยิ่งขึ้นในอนาคต