ในอดีต เงินไทยมีหน่วยวัดที่แตกต่างจากปัจจุบัน โดย "ชั่ง" เป็นหน่วยที่ใช้วัดมูลค่าเงินและน้ำหนักโลหะมีค่า เช่น ทองและเงิน ซึ่งมีอัตราส่วนดังนี้
- 1 ชั่ง = 20 ตำลึง
- 1 ตำลึง = 4 บาท
- 1 บาท = 4 สลึง
ดังนั้น 10 ชั่ง เท่ากับ 800 บาทในระบบเงินไทยโบราณ
แต่หากต้องการทราบว่ามูลค่าของ 800 บาทในสมัยรัชกาลที่ 3 (พ.ศ. 2368 - 2394) จะมีค่าเท่าไรในปัจจุบัน (พ.ศ. 2568) จำเป็นต้องนำอัตราเงินเฟ้อมาใช้ในการคำนวณ
หลักการคำนวณมูลค่าปัจจุบัน
วิธีที่นิยมใช้กันในทางเศรษฐศาสตร์ คือการใช้ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย เพื่อปรับค่าตามกาลเวลา โดยใช้สูตรดังนี้
โดยที่
- PV คือมูลค่าในอดีต (800 บาท)
- i คืออัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยต่อปี
- n คือจำนวนปีที่ผ่านไป (2568 - 2368 = 200 ปี)
จากข้อมูลทางเศรษฐศาสตร์ อัตราเงินเฟ้อในอดีตของไทยโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2-5% ต่อปี เราจึงคำนวณโดยใช้ช่วงอัตราเงินเฟ้อที่แตกต่างกันเพื่อให้เห็นขอบเขตของมูลค่าเงินที่เปลี่ยนแปลงไป
ผลการคำนวณ
หากใช้อัตราเงินเฟ้อสะสมต่อเนื่องตลอด 200 ปี จะได้มูลค่าปัจจุบันของเงิน 10 ชั่ง ดังนี้
- อัตราเงินเฟ้อ 2% ต่อปี → 41,987.92 บาท
- อัตราเงินเฟ้อ 3% ต่อปี → 295,484.70 บาท
- อัตราเงินเฟ้อ 4% ต่อปี → 2,040,600.00 บาท
- อัตราเงินเฟ้อ 5% ต่อปี → 13,834,060.00 บาท
สรุป
จากการคำนวณพบว่า มูลค่า 10 ชั่ง (800 บาท) ในสมัยรัชกาลที่ 3 หากนำมาเทียบกับปัจจุบันจะมีมูลค่าอยู่ในช่วง 41,987.92 - 13,834,060.00 บาท ขึ้นอยู่กับอัตราเงินเฟ้อที่ใช้ในการคำนวณ
อย่างไรก็ตาม การเปรียบเทียบมูลค่าเงินในอดีตกับปัจจุบันเป็นเรื่องที่ซับซ้อน เพราะค่าครองชีพ โครงสร้างเศรษฐกิจ และรูปแบบการใช้จ่ายเปลี่ยนแปลงไปมาก ดังนั้น แม้จะใช้วิธีการคำนวณแบบนักเศรษฐศาสตร์ แต่ก็ยังเป็นการประมาณการที่ให้ภาพกว้างมากกว่ามูลค่าที่แน่นอน