การขึ้นภาษีสินค้าจากจีนโดยสหรัฐเป็นมาตรการที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ไม่ใช่แค่จีนและสหรัฐเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประเทศที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับห่วงโซ่อุปทานระหว่างสองประเทศ รวมถึงไทยด้วย
หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมไทยต้องได้รับผลกระทบในเมื่อมาตรการภาษีนี้มุ่งเป้าไปที่จีนโดยตรง จริง ๆ แล้ว ผลกระทบไม่ได้เกิดจากตัวภาษีโดยตรง แต่เป็นผลพวงที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจในระดับมหภาค เช่น ค่าเงิน การโยกย้ายฐานการผลิต การเปลี่ยนแปลงของซัพพลายเชน และการตอบโต้ทางการค้าของประเทศอื่น
บทความนี้จะอธิบายถึงผลกระทบของนโยบายภาษีนี้ ทั้งต่อสหรัฐเอง ต่อไทย และต่อระบบการค้าโลก พร้อมยกตัวอย่างที่ทำให้เห็นภาพชัดขึ้น
1. การขึ้นภาษีมีข้อดีและข้อเสียต่อสหรัฐเอง
เมื่อสหรัฐขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน สหรัฐย่อมได้รับทั้งผลดีและผลเสีย
✅ ข้อดี
- ปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ → เมื่อสินค้านำเข้าแพงขึ้น สินค้าผลิตในสหรัฐจะสามารถแข่งขันได้ดีขึ้น
- ลดการขาดดุลการค้า → ลดการนำเข้าสินค้าจีน ทำให้เงินตราไม่ไหลออกจากสหรัฐมากเกินไป
- ใช้เป็นเครื่องมือต่อรองทางเศรษฐกิจ → สหรัฐสามารถกดดันจีนให้เปิดตลาด หรือเจรจาข้อตกลงที่เป็นประโยชน์ต่อสหรัฐ
❌ ข้อเสีย
- สินค้าภายในประเทศแพงขึ้น → บริษัทที่ต้องใช้วัตถุดิบนำเข้าจะมีต้นทุนสูงขึ้น ทำให้ราคาสินค้าสำหรับผู้บริโภคเพิ่มขึ้น
- ธุรกิจที่พึ่งพาห่วงโซ่อุปทานจากจีนได้รับผลกระทบ → เช่น อุตสาหกรรมเทคโนโลยีและยานยนต์ที่ใช้ชิ้นส่วนจากจีน
- ประเทศคู่ค้าอาจตอบโต้ → จีนอาจขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐ หรือหันไปทำการค้ากับประเทศอื่นแทน
2. ไทยต้องซื้อของจีนแพงขึ้นหรือไม่
ไทยไม่ได้ถูกขึ้นภาษีโดยตรงจากสหรัฐ แต่ก็อาจต้องซื้อของจีนแพงขึ้นจากผลกระทบทางอ้อม
🔹 ทำไมสินค้าจีนที่ไทยนำเข้าอาจแพงขึ้น
- ค่าเงินบาทอ่อนกว่าหยวน → หากค่าเงินหยวนอ่อนลง สินค้าจีนอาจถูกลง แต่หากเงินบาทอ่อนกว่าหยวน ไทยอาจต้องจ่ายแพงขึ้น
- จีนอาจขึ้นราคาสินค้า → บางสินค้าที่เป็นที่ต้องการสูง เช่น เครื่องจักร อิเล็กทรอนิกส์ และวัตถุดิบอุตสาหกรรม อาจถูกขึ้นราคาเพื่อชดเชยตลาดสหรัฐที่เสียไป
- ซัพพลายเชนเปลี่ยนแปลง → หากจีนย้ายฐานผลิตไปประเทศอื่น ไทยอาจต้องซื้อต่อจากประเทศนั้น ๆ ซึ่งอาจมีต้นทุนเพิ่มขึ้น
🔹 ทำไมสินค้าจีนอาจถูกลง
- ค่าเงินหยวนอ่อนค่า → หากหยวนอ่อนมากกว่าบาท สินค้าจีนอาจถูกลง
- จีนลดราคาสินค้าบางประเภท → เพื่อดึงดูดลูกค้าในตลาดอื่นและทดแทนตลาดสหรัฐ
3. ไทยได้ดุลการค้ากับสหรัฐเพราะอะไร
ไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐมาโดยตลอด เพราะไทยเป็นทั้งผู้ผลิตสินค้าเองและเป็นฐานการผลิตของบริษัทต่างชาติ
🟢 สินค้าไทยที่ส่งออกเอง
- อาหารแปรรูป ผลิตภัณฑ์เกษตร เช่น ข้าว อาหารทะเล
- ชิ้นส่วนยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า
- ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เช่น เคมีภัณฑ์ และยางรถยนต์
🔵 สินค้าแบรนด์ต่างชาติที่ใช้ไทยเป็นฐานผลิต
- ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์
- เครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น ตู้เย็น เครื่องซักผ้า
- ยานยนต์ และอะไหล่รถยนต์
4. ไทยอาจถูกใช้เป็นทางผ่านเพื่อเลี่ยงภาษี
บริษัทจีนบางแห่งอาจใช้ไทยเป็นฐานส่งออกโดยไม่ใช่ฐานการผลิตจริง ๆ
📌 แนวทางที่บริษัทจีนใช้
- นำเข้าสินค้าชิ้นส่วนมาประกอบใหม่ในไทย แล้วส่งออกไปสหรัฐโดยใช้ฉลาก "Made in Thailand"
- ในอดีตมีกรณี แผงโซลาร์เซลล์และเหล็กจากจีน ถูกส่งผ่านไทยเพื่อเลี่ยงภาษี
⚠ ความเสี่ยงต่อไทย
- ถ้าสหรัฐตรวจพบ อาจมีมาตรการกีดกันไทย เช่น ขึ้นภาษีสินค้าจากไทย หรือเพิ่มมาตรการตรวจสอบ
5. ไทยควรรับมืออย่างไร
✅ กระจายแหล่งนำเข้าและส่งออก
- ลดการพึ่งพาจีนและสหรัฐมากเกินไป
- หาตลาดใหม่ เช่น อินเดีย ตะวันออกกลาง และยุโรป
✅ ดึงดูดการลงทุนจากบริษัทข้ามชาติ
- ให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตของเอเชีย
✅ ติดตามนโยบายของสหรัฐและจีน
- ปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ
ข้อสรุป
- ไทยไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการขึ้นภาษีของสหรัฐต่อจีน แต่มีผลกระทบทางอ้อมที่สำคัญ
- ไทยได้โอกาสจากการย้ายฐานการผลิตของบริษัทข้ามชาติ แต่ก็ต้องระวังการเป็นทางผ่านของสินค้าจีน
- ไทยต้องเตรียมรับมือกับความผันผวนของซัพพลายเชน และเลือกจุดยืนทางเศรษฐกิจให้รอบคอบ
- แนวทางที่ดีที่สุดคือกระจายตลาด กระจายแหล่งนำเข้า และเสริมสร้างศักยภาพการผลิตภายในประเทศเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระยะยาว
ในอนาคต ไทยควรติดตามสถานการณ์นโยบายการค้าของสหรัฐและจีนอย่างใกล้ชิด พร้อมปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจไทย