วันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2567

ทำไมมนุษย์ถึงชอบ “เมา”? ประวัติศาสตร์ของสารทำให้สมองเมา และสัตว์โลกก็มีเหมือนกัน!

การ “เมา” หรือการใช้สารที่ส่งผลต่อสมองจนเกิดอาการเคลิ้มสุข เป็นพฤติกรรมที่มนุษย์ทำมาเป็นเวลานับพันปี และไม่ใช่เพียงแค่มนุษย์เท่านั้น แม้แต่สัตว์ในธรรมชาติก็มีพฤติกรรมคล้าย ๆ กัน การสำรวจปรากฏการณ์นี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้เราเข้าใจพฤติกรรมของมนุษย์ในเชิงวัฒนธรรม แต่ยังเผยให้เห็นถึงความเชื่อมโยงกับชีววิทยาและธรรมชาติของสัตว์โลกด้วย


มนุษย์และความหลงใหลในความเมา

1. เพราะมันทำให้สุขใจ

สารที่ทำให้เมา เช่น แอลกอฮอล์ กัญชา หรือสารกระตุ้นอื่น ๆ มักส่งผลต่อสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับ “ระบบการให้รางวัล” (Reward System) โดยการปล่อยสารเคมีในสมอง เช่น โดปามีน (Dopamine) และ เซโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งทำให้รู้สึกมีความสุข ผ่อนคลาย หรือแม้กระทั่งลืมปัญหาชั่วคราว

2. ส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมและพิธีกรรม

ในหลายวัฒนธรรม การดื่มแอลกอฮอล์หรือใช้สารเสพติดบางชนิดถือเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมทางสังคมและพิธีกรรมทางศาสนา เช่น:

  • ชาวสุเมเรียน มีการผลิตเบียร์เพื่อใช้ในพิธีกรรมและงานเฉลิมฉลองเมื่อกว่า 6,000 ปีก่อน
  • กรีกโบราณ มีการบูชาเทพเจ้าไดโอนีซัส (Dionysus) เทพแห่งไวน์และความสนุกสนาน
  • อินเดียโบราณ ใช้สาร “โสมา (Soma)” ในพิธีทางศาสนาซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเครื่องดื่มศักดิ์สิทธิ์

3. หลีกหนีจากความเครียดและความจริง

สำหรับบางคน การดื่มหรือใช้สารทำให้เมาเป็นการหลีกหนีจากความทุกข์ ความเครียด หรือความกดดันในชีวิตประจำวัน มนุษย์บางกลุ่มในประวัติศาสตร์ยังมองว่าสารเหล่านี้ช่วยเปิดมุมมองใหม่ ๆ หรือกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์


ประวัติศาสตร์ของสารทำให้เมา

ยุคก่อนประวัติศาสตร์

การค้นพบทางโบราณคดีระบุว่ามนุษย์เริ่มดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์มาตั้งแต่ 10,000 ปีก่อน เช่น การหมักผลไม้หรือธัญพืชเพื่อทำเบียร์และไวน์ การดื่มเหล่านี้ไม่เพียงเพื่อความสนุกสนาน แต่ยังใช้ในพิธีกรรมทางศาสนาอีกด้วย

ยุคโบราณ

  • อียิปต์โบราณ ใช้เบียร์ในพิธีกรรมและการมอบให้เทพเจ้า
  • จีนโบราณ มีการผลิตเหล้าหมักจากข้าวตั้งแต่ 7,000 ปีก่อน
  • อเมริกากลาง ชาวมายาใช้เครื่องดื่มหมักจากโกโก้ในพิธีกรรมสำคัญ

ยุคกลาง

ในยุโรปยุคกลาง เบียร์และไวน์กลายเป็นอุตสาหกรรมสำคัญ โดยเฉพาะในวัดซึ่งเป็นผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ ส่วนในเอเชีย ตำรับยาจีนโบราณหลายตำรับใช้แอลกอฮอล์เพื่อการแพทย์

ปัจจุบัน

สารทำให้เมาถูกพัฒนาและหลากหลายขึ้น เช่น กัญชาที่ถูกกฎหมายในหลายประเทศ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีตั้งแต่ราคาถูกจนถึงระดับหรูหรา อย่างไรก็ตาม สารเสพติดบางประเภท เช่น ฝิ่นและโคเคน ถูกควบคุมเนื่องจากอันตรายต่อสุขภาพ


สัตว์ก็ชอบ “เมา” เช่นกัน

สัตว์ในธรรมชาติก็แสดงพฤติกรรมที่คล้ายกับการ “เมา” เช่นกัน โดยมักเกิดจากการบริโภคผลไม้หมักหรือต้นไม้บางชนิดที่มีสารกระตุ้น:

1. ช้างและผลไม้หมัก

ช้างในแอฟริกามักกินผลมารูล่าที่หล่นบนพื้นจนหมักกลายเป็นแอลกอฮอล์ พวกมันจะแสดงอาการเซไปเซมาเหมือนคนเมา

2. ลิงและแอลกอฮอล์

ลิงบางชนิด เช่น ลิงในหมู่เกาะแคริบเบียน มักขโมยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากนักท่องเที่ยวและดื่มจนเมา

3. ผึ้งและน้ำหวานหมัก

ผึ้งที่เก็บน้ำหวานจากดอกไม้ที่มีน้ำตาลหมักมักบินเซและกลับรังไม่ได้

4. แมวและแคทนิป

แมวที่สัมผัสแคทนิป (Catnip) มักแสดงอาการเหมือน “เมา” เช่น กลิ้งไปมา หรือดูเหมือนเคลิ้ม แม้ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ แต่เป็นผลจากสารในแคทนิปที่กระตุ้นสมอง


ความเมาทำงานอย่างไรในเชิงวิทยาศาสตร์

1. ผลกระทบต่อสมอง

  • แอลกอฮอล์: แอลกอฮอล์ส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง (Central Nervous System) โดยยับยั้งสารสื่อประสาทที่ชื่อว่า กลูตาเมต (Glutamate) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการกระตุ้นสมอง และเพิ่มการทำงานของ GABA (Gamma-Aminobutyric Acid) ซึ่งเป็นสารที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและสงบ ผลลัพธ์คือการชะลอการทำงานของสมอง ทำให้รู้สึกเคลิบเคลิ้ม
  • กัญชา: สาร THC (Tetrahydrocannabinol) ในกัญชาทำงานโดยจับกับตัวรับในสมองที่ชื่อว่า Cannabinoid Receptors ซึ่งอยู่ในส่วนที่ควบคุมอารมณ์ ความจำ และความเจ็บปวด ส่งผลให้เกิดความรู้สึกเคลิ้มและผ่อนคลาย

2. ผลกระทบต่อร่างกาย

  • ความเคลิบเคลิ้ม: เกิดจากการที่ระบบประสาทส่วนกลางทำงานช้าลง
  • การเสียสมดุล: การยับยั้งสัญญาณประสาททำให้การเคลื่อนไหวและการตอบสนองช้าลง
  • อารมณ์เปลี่ยนแปลง: การเพิ่มสารโดปามีนในสมองส่งผลให้รู้สึกสุขหรือเศร้าขึ้นอยู่กับบุคคล

3. ระยะเวลาและการเผาผลาญ

  • แอลกอฮอล์ถูกเผาผลาญในตับด้วยเอนไซม์ที่ชื่อ แอลกอฮอล์ดีไฮโดรจีเนส (Alcohol Dehydrogenase) กระบวนการนี้ส่งผลต่อระดับแอลกอฮอล์ในเลือดและความรู้สึกเมา

ทำไมการเมาถึงเกิดในสัตว์?

นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าสัตว์บางชนิดบริโภคผลไม้หมักหรือสารที่ทำให้ “เมา” เพื่อ:

  • ลดความเครียด
  • ช่วยผ่อนคลายระบบประสาท
  • เพิ่มความอดทนต่อสิ่งแวดล้อมที่ยากลำบาก

ในธรรมชาติ การ “เมา” อาจไม่ใช่เรื่องของความสนุกสนานเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการปรับตัวเชิงวิวัฒนาการเพื่อเอาชีวิตรอด


สรุป

มนุษย์และสัตว์ต่างแสดงพฤติกรรม “เมา” ในหลากหลายรูปแบบ โดยสำหรับมนุษย์ มันมีความเชื่อมโยงกับชีววิทยา วัฒนธรรม และจิตวิทยา ส่วนสัตว์นั้น การ “เมา” อาจเป็นผลจากการสำรวจธรรมชาติหรือเป็นการตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ การ “เมา” ก็สะท้อนถึงธรรมชาติที่พยายามมองหาความสุข ความผ่อนคลาย และความสงบในแบบของตัวเอง.

รู้จักเชื้อ HMPV: ไวรัสระบบทางเดินหายใจที่ควรรู้จัก

HMPV หรือ Human Metapneumovirus เป็นไวรัสที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ซึ่งมีความใกล้เคียงกับ RSV (Respiratory Syncytial Virus...