เรื่องของ Dr. Sampada Mundhe และความจริงที่ซ่อนอยู่หลังตัวเลข
“ความยุติธรรมที่มาช้า คือการลงโทษเหยื่อซ้ำอีกครั้ง” — คำกล่าวนี้สะท้อนภาพชัดของสังคมอินเดียในวันนี้ และกลายเป็นประโยคที่ชาวอินเดียจำนวนมากนำมาแชร์หลังการเสียชีวิตของ Dr. Sampada Mundhe
🌑 บทนำ: แพทย์หญิงผู้ไม่ควรถูกลืม
Dr. Sampada Mundhe แพทย์หญิงวัย 28 ปี ลูกสาวของเกษตรกรในรัฐมหาราษฏระ เติบโตจากครอบครัวชาวนาในอำเภอเล็ก ๆ เธอเป็นคนแรกในหมู่บ้านที่ได้เรียนแพทย์และบรรจุเข้ารับราชการที่โรงพยาบาลรัฐ Phaltan Sub‑District Hospital เธอเหลือเวลาเพียงหนึ่งเดือนก่อนจบภารกิจบริการชนบทครบ 24 เดือน เพื่อยื่นสมัครเรียนต่อเฉพาะทางด้านสูตินรีเวช แต่เธอกลับไม่เคยได้ออกจากที่นั่นอีกเลย
วันที่ 23 ตุลาคม 2025 เธอถูกพบว่าเสียชีวิตภายในห้องพักของตนเอง ภายในพบจดหมายลาตาย 4 หน้า และข้อความบนฝ่ามือที่ระบุชื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับ Sub‑Inspector ที่เธอเขียนว่า “ทำลายฉันทุกวัน” — ในจดหมาย เธอเล่าว่าถูกข่มขืนซ้ำ ๆ ถูกข่มขู่ด้วยภาพส่วนตัว และถูกกดดันจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้มีอิทธิพลให้ปลอมแปลงเอกสารทางการแพทย์ เช่น รายงานชันสูตรศพและใบรับรองแพทย์ของผู้ต้องหาในคดีอาญา
เธอเคยร้องเรียนไปยัง DSP Phaltan ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2025 พร้อมแนบหลักฐาน แต่เรื่องกลับเงียบหายไม่มีคำตอบ
หลังการเสียชีวิตของเธอ ตำรวจสองนายถูกจับกุม และมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนภายใน แต่สิ่งที่สังคมตั้งคำถามคือ — ทำไมต้องรอให้เธอตายก่อนจึงจะมีคนรับฟัง? ถ้าระบบยุติธรรมตอบสนองตั้งแต่ตอนเธอยังมีชีวิตอยู่ อินเดียอาจไม่ต้องสูญเสียแพทย์หญิงอีกคนไปเพราะความอยุติธรรมที่มองไม่เห็น
📊 บทที่ 1: ตัวเลขที่ไม่โกหก — อาชญากรรมต่อผู้หญิงในอินเดียยังพุ่งสูง
ข้อมูลจาก National Crime Records Bureau (NCRB) ปี 2023 ระบุว่า อินเดียมีคดีอาชญากรรมต่อผู้หญิงมากถึง 448,000 คดี เพิ่มขึ้นจากปี 2022 ที่ 445,256 คดี และปี 2021 ที่ 428,278 คดี
เฉลี่ยแล้วมีคดีเกี่ยวข้องกับความรุนแรงทางเพศและการคุกคามผู้หญิง มากกว่า 1,200 คดีต่อวัน หรือ 51 คดีต่อชั่วโมง
- 
คดีข่มขืน: 31,516 คดี (เฉลี่ย 86 คดี/วัน) — ตัวเลขแทบไม่ลดลงเลยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2020–2024) 
- 
ความรุนแรงในครอบครัว: 133,676 คดี หรือคิดเป็นร้อยละ 30 ของคดีทั้งหมด 
- 
คดีลักพาตัวผู้หญิง: 88,605 คดี หรือร้อยละ 20 ของคดีทั้งหมด 
- 
อัตราตัดสินลงโทษ: เพียง 27% ของคดีที่เข้าสู่ศาล 
- 
คดีค้างพิจารณา: สูงถึง 90% ของทั้งหมดในชั้นศาลทั่วประเทศ 
ที่น่าตกใจคือในบางรัฐ เช่น อุตตรประเทศ เดลี และมัธยประเทศ สัดส่วนคดีข่มขืนสูงกว่าค่าเฉลี่ยประเทศถึงสองเท่า
หลังคดี Nirbhaya (2012) ที่ทำให้มีการปฏิรูปกฎหมายอาญาและเพิ่มบทลงโทษ การรายงานคดีก็เพิ่มขึ้นจริง แต่จำนวนคดีที่ “ปิดได้” หรือได้ความยุติธรรมกลับยังคงต่ำ ข้อมูลของ India Justice Report 2024 ระบุว่า เวลาพิจารณาคดีทางเพศเฉลี่ยในศาลอินเดียคือ 5.8 ปี ซึ่งในหลายกรณี ผู้เสียหายเสียชีวิตไปก่อนจะได้เห็นคำพิพากษา
🧩 บทที่ 2: วัฒนธรรมชายเป็นใหญ่ — รากลึกที่หล่อเลี้ยงความรุนแรง
งานวิจัยของ UN Women India (2024) ระบุว่า 70% ของผู้ชายในชนบทเชื่อว่าผู้หญิง “ควรอยู่บ้าน” และกว่า 52% มองว่าการตีภรรยาเป็น “เรื่องภายในครอบครัว” ขณะที่การสำรวจของ Lancet Psychiatry (2023) พบว่า ผู้หญิงอินเดียกว่า 1 ใน 3 เคยเผชิญการคุกคามทางเพศในที่ทำงาน แต่เพียง 17% กล้าที่จะรายงาน
“กว่า 90% ของคดีข่มขืน ผู้กระทำเป็นคนรู้จักของเหยื่อ” — NCRB Report 2022
แม้จะมีกฎหมาย POSH Act 2013 (Prevention of Sexual Harassment at Workplace) ที่กำหนดให้องค์กรต้องตั้ง คณะกรรมการร้องเรียน (ICC) แต่กว่า 60% ของสถานประกอบการขนาดเล็ก ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายนี้จริง หลายแห่งตั้งคณะกรรมการเพียงในเอกสารเพื่อให้ผ่านการตรวจ
นอกจากนี้ ยังมีงานศึกษาจาก Centre for Policy Research (CPR, 2024) ที่พบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงมีเพียง 11% ของกำลังพลทั้งหมด และกว่า 80% ของสถานีตำรวจในเขตชนบทยังไม่มี “ห้องสอบสวนเฉพาะสำหรับผู้หญิง” ซึ่งทำให้เหยื่อไม่กล้าเข้าแจ้งความ
🏥 บทที่ 3: เมื่อโรงพยาบาลไม่ปลอดภัย — ที่ทำงานกลายเป็นสนามอันตราย
คดีของ Dr. Sampada สะท้อนปัญหาความปลอดภัยของบุคลากรหญิงในโรงพยาบาลอินเดีย ซึ่งไม่ใช่กรณีแรก ปี 2024 มีเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่ RG Kar Medical College, Kolkata เมื่อแพทย์หญิงวัย 31 ปีถูกข่มขืนและสังหารภายในห้องพักแพทย์ จุดชนวนให้เกิดการประท้วงระดับประเทศ
จากการสำรวจโดย FAIMA (Federation of All India Medical Association) ปี 2025:
- 
68% ของแพทย์หญิงรู้สึก “ไม่ปลอดภัย” ระหว่างปฏิบัติงานช่วงกลางคืน 
- 
54% ระบุว่า “ไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพียงพอ” 
- 
33% ยอมรับว่า “ไม่กล้าร้องเรียน” เมื่อถูกคุกคามทางเพศ เพราะกลัวผลกระทบต่อหน้าที่การงาน 
โรงพยาบาล Phaltan ที่ Dr. Sampada ทำงานไม่มีระบบกล้อง CCTV ครอบคลุม ไม่มีห้องพักเฉพาะผู้หญิง และไม่มีสายด่วนร้องเรียนภายในที่รักษาความลับ ระบบสวัสดิการจิตวิทยาก็ไม่มี ทั้งที่เป็นหน่วยงานรัฐ
ในอินเดีย บุคลากรแพทย์หญิงกว่า 22% เคยถูกคุกคามทางเพศในที่ทำงาน แต่มีเพียง 8% ที่ได้รับการช่วยเหลือจากผู้บริหาร — ข้อมูลจาก Indian Medical Council Survey 2023
⚖️ บทที่ 4: ความยุติธรรมที่ช้า = ความยุติธรรมที่ไม่มีจริง
ปี 2023 ศาลอินเดียมีคดีค้างสะสมกว่า 4.4 ล้านคดี ที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมต่อผู้หญิง โดยเฉพาะคดีข่มขืนที่เฉลี่ยใช้เวลาพิจารณานานกว่า 6 ปี
- 
อัตราตัดสินลงโทษ: 27.1% 
- 
อัตรายกฟ้อง: 68.2% 
- 
คดีถอนแจ้งความ: 4.7% 
แหล่งข้อมูล: NCRB, India Justice Report 2024
หลายคดีล่มตั้งแต่ต้น เพราะเจ้าหน้าที่ไม่รับแจ้งความ หรือพยายามให้เหยื่อ “ยอมความ” เพื่อไม่ให้กระทบภาพลักษณ์องค์กร กรณีของ Dr. Sampada ครอบครัวระบุว่าหลังเธอเสียชีวิต โทรศัพท์ของเธอถูกปลดล็อกและข้อมูล WhatsApp ถูกลบก่อนเข้าสู่การตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่สะท้อนถึง “อำนาจของผู้ถูกกล่าวหา” มากกว่าความเป็นกลางของระบบ
💔 บทที่ 5: สุขภาพจิตกับการฆ่าตัวตาย — เส้นที่บางกว่าที่คิด
องค์การอนามัยโลก (WHO, 2024) รายงานว่า อินเดียมีอัตราการฆ่าตัวตายของผู้หญิงสูงสุดในโลก คิดเป็น 36% ของการฆ่าตัวตายหญิงทั่วโลก  หรือเฉลี่ย 1 คนต่อทุก 25 นาที
ปี 2023 มีผู้หญิงอินเดียฆ่าตัวตาย 45,025 คน โดยกว่า 70% มีสาเหตุจากความรุนแรงในครอบครัวและความเครียดจากงาน
ในกลุ่มบุคลากรแพทย์หญิง งานศึกษาของ Lancet Psychiatry (2023) พบว่า 1 ใน 4 มีภาวะซึมเศร้า และกว่า 60% เคยประสบภาวะ “หมดไฟจากการทำงาน” (Burnout) การทำงานกะยาว การถูกคุกคามจากคนไข้และเพื่อนร่วมงาน รวมถึงแรงกดดันทางสังคมทำให้สุขภาพจิตของผู้หญิงในวิชาชีพแพทย์อยู่ในภาวะเสี่ยงสูงกว่าประชากรทั่วไปถึง 2 เท่า
Dr. Sampada ไม่ใช่คนแรก แพทย์หญิงหลายคนในชนบทเผชิญแรงกดดันเดียวกัน — แต่ไม่มีใครฟัง จนกว่าเสียงของพวกเธอจะหายไปตลอดกาล
🔧 บทที่ 6: ทางออกเชิงระบบที่เริ่มขยับ (แต่ยังไม่พอ)
รัฐบาลอินเดียพยายามผลักดันกฎหมายใหม่ Bharatiya Nyaya Sanhita (BNS) 2023 ซึ่งมาแทนที่ประมวลอาญาอังกฤษ (IPC) ที่ใช้มากว่า 160 ปี กฎหมายฉบับใหม่นี้เพิ่มบทลงโทษสำหรับคดีข่มขืน การล่วงละเมิดทางเพศ และคดีที่เหยื่อเป็นผู้เยาว์ พร้อมทั้งจัดตั้ง fast-track courts 1,023 แห่งทั่วประเทศ แต่ตามรายงานของ The Hindu (2025) มีเพียง 37% ของศาลเหล่านี้ที่เปิดดำเนินการจริงในไตรมาสแรกของปี
ข้อเสนอจาก FAIMA และ UN Women 2025:
- 
จัดตั้ง SIT (Special Investigation Team) อิสระในคดีที่พาดพิงผู้มีอิทธิพล 
- 
สร้าง One-stop Women Justice Centres ทุกเขต เพื่อรวมการสอบสวน‑นิติวิทยาศาสตร์‑ที่พักชั่วคราวไว้ในที่เดียว 
- 
บังคับใช้การใช้จ่าย Nirbhaya Fund ให้ได้อย่างน้อย 80% ของงบประจำปี (ปัจจุบันใช้ได้เพียง 30%) 
- 
เพิ่มงบประมาณด้าน สุขภาพจิตและการคุ้มครองพยาน 
- 
รณรงค์ “Don’t Blame the Victim” และหลักสูตรเรื่อง Consent & Gender Sensitivity ในโรงเรียน 
🔥 บทที่ 7: ความยุติธรรมที่แท้ต้องเกิดก่อนความตาย
เรื่องของ Dr. Sampada ทำให้สังคมอินเดียทั้งประเทศต้องตั้งคำถามว่า “เราจะช่วยเหยื่อได้กี่คน ถ้าเรายังเลือกจะไม่เชื่อ?”
เธอเขียนไว้ในจดหมายว่า:
“ฉันไม่กลัวตาย แต่ฉันกลัวความอยุติธรรมที่ยังอยู่”
ความยุติธรรมที่แท้จริงจึงไม่ใช่การตั้งคณะกรรมการสอบสวนหลังความตาย แต่คือการสร้างระบบที่ช่วยคนแบบเธอ ทันเวลา — ระบบที่ไม่ทำให้เหยื่อกลายเป็นผู้ต้องหาด้วยคำถามว่า “ทำไมไม่หนี?” หรือ “ทำไมถึงไม่พูด?”
📘 สรุป: อย่าให้เธอตายฟรี
คดีของ Dr. Sampada Mundhe ไม่ใช่คดีแรก และน่าเศร้าที่อาจไม่ใช่คดีสุดท้าย แต่ถ้ารัฐบาลและสังคมอินเดียใช้โอกาสนี้ปฏิรูปจริง มันอาจเป็นจุดเริ่มต้นของความยุติธรรมที่มีชีวิต ไม่ใช่เพียงในชื่อเอกสาร
อินเดียไม่ขาดกฎหมาย แต่ขาด “ความกล้าที่จะทำให้กฎหมายมีความหมาย” ความยุติธรรมต้องไม่รอหลังความตาย แต่ต้องเกิดขึ้นในขณะที่เหยื่อยังมีโอกาสจะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง
ถ้าความยุติธรรมหลังความตายคือการปลอบใจสังคม ความยุติธรรมก่อนความตายคือสิ่งที่ช่วยชีวิตมนุษย์จริง ๆ
อ้างอิง:
- 
NCRB Crime in India Report 2021–2023 
- 
India Justice Report 2024 
- 
WHO Global Suicide Data 2024 
- 
UN Women India, Gender Equality Progress 2024 
- 
FAIMA & MARD Joint Statement, October 2025 
- 
The Hindu, Times of India, Indian Express, BBC News, October 2025 
- 
Centre for Policy Research, Gender & Policing in India (2024) 
- 
Lancet Psychiatry, Vol. 17 Issue 4 (2023) 
#JusticeForSampada #WomenDeserveSafety #IndiaAgainstSexualViolence