จุดเริ่มต้น: คืนวันที่ 3 กันยายน 2555
คดีนี้เกิดขึ้นในช่วงเช้ามืดของวันที่ 3 กันยายน 2555 เมื่อ วรยุทธ “บอส” อยู่วิทยา ทายาทตระกูลผู้ถือหุ้นใหญ่เครื่องดื่มชูกำลัง "กระทิงแดง" ขับรถเฟอร์รารีสีดำชน ด.ต. วิเชียร กลั่นประเสริฐ ตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิตบนถนนสุขุมวิท กรุงเทพฯ เหตุการณ์นี้สร้างความสะเทือนใจแก่สังคมไทยอย่างมาก เนื่องจากผู้เสียชีวิตกำลังปฏิบัติหน้าที่ ขณะเกิดเหตุมีรายงานว่ารถเฟอร์รารีวิ่งด้วยความเร็วสูงมาก (บางสื่อรายงานมากกว่า 170 กม./ชม.) และลากร่างผู้เสียชีวิตไปไกลกว่า 100 เมตร ก่อนหยุดรถ
ภายหลังตรวจพบแอลกอฮอล์ในร่างกายของบอส แต่มีการอ้างว่าดื่มหลังเกิดเหตุเพื่อบรรเทาความเครียด นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าในช่วงแรกมีการให้คนขับรถอีกคนมารับผิดแทน โดยพยายามปกปิดตัวตนของผู้ขับขี่จริง แต่ในที่สุดข้อเท็จจริงก็ถูกเปิดเผยจากการสอบสวนและแรงกดดันของสังคม
กระบวนการคดีและการหลบหนี
-
2555-2556: อัยการเลื่อนนัดส่งฟ้องหลายครั้ง ท่ามกลางความสงสัยของสังคมว่ามีการยื้อคดี
-
2556: บอสเดินทางออกนอกประเทศ อ้างว่าไปทำธุระ แต่ต่อมาก็ไม่กลับมารายงานตัวตามนัดศาล
-
2559: ศาลออกหมายจับในข้อหาหลัก
-
2560: ข้อหาขับเร็วเกินกำหนดและความผิดเล็กน้อยอื่นหมดอายุความ เหลือเพียงข้อหาหลัก
-
2563: อัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้องข้อหาหลัก (ขับโดยประมาทจนผู้อื่นถึงแก่ความตาย) แต่หลังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์รุนแรง นายกรัฐมนตรีสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ จนมีการเพิกถอนคำสั่งไม่ฟ้องและรื้อคดีใหม่
บอสอยู่ที่ไหน ทำอะไร
ตลอดกว่าทศวรรษ มีรายงานและภาพหลุดจากสื่อต่างประเทศที่ระบุว่าบอสใช้ชีวิตอยู่ในหลายประเทศ เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และในช่วงหลังมีข่าวลือว่าอยู่ในออสเตรียหรือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว ใช้ชีวิตหรูหรา ร่วมงานสังคมและกิจกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง แต่ไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานรัฐว่ามีการติดตามตัวอย่างมีประสิทธิภาพ
สถานะข้อหาและอายุความ
-
หมดอายุความแล้ว:
-
ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
-
ไม่หยุดรถช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ
-
ขับรถในขณะมึนเมา
-
-
ยังไม่หมดอายุความ:
-
ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย (หมดอายุความในวันที่ 3 กันยายน 2570)
-
ความคืบหน้าล่าสุด (2568)
-
เมษายน 2568 ศาลตัดสินจำคุกอดีตอัยการ 2 คน และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขพยานหลักฐานความเร็วรถ โดยชี้ว่าเป็นการกระทำผิดหน้าที่ร้ายแรง
-
คำสั่งติดตามตัวบอสยังมีผล แต่ไม่มีข้อมูลว่ามีการประสานงานข้ามประเทศที่ได้ผลจริง แม้จะมีหมายจับสากลก็ตาม
ผลกระทบ
-
ต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต: สูญเสียเสาหลักของครอบครัว เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจและบาดแผลทางจิตใจที่ยืดเยื้อมานานกว่าทศวรรษ ความรู้สึกค้างคาใจและความไม่เป็นธรรมยังคงอยู่
-
ต่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับคดี: บางคนถูกดำเนินคดีและตัดสินจำคุกจากการกระทำผิดหน้าที่ ขณะที่บางคนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักและเสียชื่อเสียงต่อสาธารณชน
-
ต่อกระแสสังคม: คดีนี้กลายเป็นตัวอย่างชัดเจนของความเหลื่อมล้ำทางกฎหมาย หรือ “สองมาตรฐาน” จุดชนวนให้เกิดกระแสเรียกร้องความโปร่งใสในกระบวนการยุติธรรม การรณรงค์ไม่สนับสนุนสินค้าที่เกี่ยวข้องยังคงเกิดขึ้นเป็นระยะ
-
ต่อภาพลักษณ์ตระกูลและแบรนด์: แม้บริษัทจะพยายามแยกตัวจากคดีส่วนตัวของบอส แต่ความเชื่อมโยงในสายตาสังคมยังคงอยู่ ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และการตลาดในบางช่วงเวลา
สรุป: คดีบอสยังไม่สิ้นสุด ข้อหาหลักจะหมดอายุความในปี 2570 และสังคมยังจับตามองว่ากระบวนการยุติธรรมไทยจะสามารถนำผู้ต้องหากลับมารับโทษได้หรือไม่ ซึ่งคดีนี้ไม่เพียงเป็นการทดสอบความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย แต่ยังสะท้อนถึงความท้าทายด้านความเสมอภาคในสังคมไทย