วันเสาร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2568

เสี่ยอู๊ด: จากผู้สร้างบุญพันล้าน สู่จุดจบอันโดดเดี่ยว

ศาลอาญานัดไต่สวนปมการตาย "เสี่ยอู๊ด" ทนายยื่นขอจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ 


จุดเริ่มต้นของชีวิต

สิทธิกร บุญฉิม หรือที่รู้จักกันในชื่อ “เสี่ยอู๊ด” เกิดเมื่อวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2514 ที่จังหวัดระยอง ในครอบครัวฐานะยากจน บิดาเป็นชาวสวน มารดารับจ้างทั่วไป รายได้ไม่เพียงพอ ทำให้เขาต้องช่วยงานตั้งแต่วัยเด็ก ทั้งเก็บผลไม้ ล้างจาน และทำงานรับจ้างอื่น ๆ เพื่อหารายได้มาช่วยครอบครัว เขาเรียนจบเพียงชั้นมัธยมปลายก่อนออกมาทำงานเต็มตัว แรงบันดาลใจในการเข้าสู่วงการพระเครื่องมาจากความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาและการได้เห็นผู้ใหญ่ในชุมชนประสบความสำเร็จจากการจัดสร้างวัตถุมงคล

ช่วงวัยหนุ่ม เสี่ยอู๊ดเริ่มทำงานค้าขายในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เป็นเวลา 8 ปีเต็ม เก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้านการทำธุรกิจและการสร้างเครือข่าย เขาฝึกฝนทักษะการขาย การเจรจา และการสร้างความสัมพันธ์กับผู้คน จนมีทุนและความรู้เพียงพอที่จะย้ายเข้าสู่กรุงเทพฯ และก่อตั้งบริษัท ไดมอนด์ ฮิลล์ จำกัด ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางสู่ชื่อเสียงในวงการพระเครื่อง


เส้นทางสู่ชื่อเสียง

เสี่ยอู๊ดสร้างชื่อจากการผลิตและจำหน่ายพระเครื่องในโครงการใหญ่หลายรุ่น เช่น “พระกริ่งจักรพรรดิ์ 9 ชาติ” ในช่วงปี พ.ศ. 2545–2547 และ “พระสมเด็จเหนือหัว” ในปี พ.ศ. 2549 โดยมีการโฆษณาว่าใช้มวลสารพิเศษและเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ศรัทธาทั่วประเทศ รายได้จากการจำหน่ายจำนวนมหาศาลถูกนำไปสนับสนุนโครงการสาธารณประโยชน์ เช่น การสร้างศาลาการเปรียญขนาดใหญ่ในภาคกลางมูลค่า 100 ล้านบาท สนับสนุนโครงการสร้างอาคารเรียนในภาคเหนือมูลค่า 50 ล้านบาท และช่วยสร้างโรงพยาบาลในภาคใต้ รวมแล้วมูลค่ามากกว่า 3,000 ล้านบาท

ชื่อเสียงของเขาขยายวงกว้างจนได้รับฉายาว่า “ผู้สร้างบุญพันล้าน” และเป็นบุคคลสำคัญในวงการพระเครื่องระหว่างปี พ.ศ. 2545–2550 เขามีโอกาสร่วมงานกับพระเกจิชื่อดังและนักการเมืองท้องถิ่นหลายราย ทำให้เครือข่ายทางสังคมแข็งแกร่งขึ้น


คดีความและการล้ม

ในปี พ.ศ. 2551 เสี่ยอู๊ดถูกดำเนินคดีข้อหา ฉ้อโกงประชาชน และ ใช้เครื่องหมายราชการโดยไม่ได้รับอนุญาต คดีเข้าสู่การพิจารณาที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก โดยมีการไต่สวนพยานโจทก์และจำเลยต่อเนื่องหลายเดือน พยานหลักฐานสำคัญคือใบโฆษณา ภาพถ่าย และพระตัวอย่างที่มีตราสัญลักษณ์มหามงกุฎ รวมถึงคำให้การของผู้ซื้อที่ระบุว่าถูกหลอกให้เชื่อว่าพระมีมวลสารพระราชทาน

คำพิพากษาศาลชั้นต้นเดือน กันยายน พ.ศ. 2552 ชี้ว่าเขามีเจตนาหลอกลวงผู้ซื้อ ศาลพิพากษาจำคุก 5 ปี ไม่รอลงอาญา และให้คืนเงินแก่ผู้เสียหาย 921 ราย รวมมูลค่าไม่เกิน 4,055,916 บาท ศาลอุทธรณ์ยืนตามคำพิพากษา เขาถูกคุมขังจนถึงเดือน มิถุนายน พ.ศ. 2556 หลังพ้นโทษ เขาพยายามกลับมาทำงานด้านอื่น ทั้งการเปิดร้านขายของที่ระลึก การจัดทำโครงการท่องเที่ยวเชิงพุทธ และการติดต่อทำการค้ากับเพื่อนเก่า แต่กระแสตอบรับไม่ดี ภาพลักษณ์เสียหาย และเครือข่ายเดิมไม่สนับสนุนเหมือนก่อน ทำให้รายได้ลดลงและความเครียดสะสม


ความสัมพันธ์ในวงการบันเทิง

หนึ่งในข่าวที่ทำให้ชื่อของเขายังคงอยู่ในกระแสคือความสัมพันธ์กับดาราชาย ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ มีรายงานว่าเขามอบบ้าน รถยนต์ และเงินหลายล้านบาท ทั้งคู่เคยปรากฏตัวร่วมงานบุญและท่องเที่ยวต่างประเทศ เช่น ฮ่องกง ภายหลังฟิล์มปฏิเสธความสัมพันธ์พิเศษ ขณะที่เสี่ยอู๊ดยืนยันถึงความสนิทสนม ข่าวนี้กลายเป็นประเด็นใหญ่ในสื่อบันเทิงช่วงปี พ.ศ. 2552–2553

ยังมีข่าวลือเรื่องความสัมพันธ์กับนักร้องดังในเรือนจำ ซึ่งเสี่ยอู๊ดปฏิเสธอย่างหนักแน่น แต่กระแสข่าวก็สร้างแรงกดดันและกระทบต่อภาพลักษณ์ของเขามากขึ้น


ความรู้สึกโดดเดี่ยวและการจากไป

แม้เคยบริจาคเงิน 56 ล้านบาท เพื่อสร้างอาคารและพุทธอุทยาน แต่หลังพ้นโทษ เขาพบว่าถูกทอดทิ้งจากผู้คนที่เคยใกล้ชิด ในจดหมายลาตาย เขาได้เขียนถึงความรู้สึกและทบทวนชีวิตอย่างละเอียด บางส่วนระบุว่า:

“มัวแต่ช่วยผู้อื่น ไม่เคยช่วยพี่น้องหรือสร้างฐานะให้ตัวเอง …ผลตอบแทนคือการถูกทอดทิ้ง”

“ผมใช้ชีวิตจากเด็กยากจนจนได้สร้างสาธารณประโยชน์ทั่วประเทศ แต่เมื่อหมดประโยชน์ก็ไม่มีใครเหลียวแล ผมไม่โทษใคร ทุกสิ่งคือผลของการตัดสินใจของตัวเอง”

“อย่าจัดงานศพให้ยุ่งยาก เผาผมทันที เงินทองไม่ต้องใช้หามาให้ผมอีก เพราะผมทำบุญไว้มากพอแล้ว”

วันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เขาถูกพบเสียชีวิตในโรงแรมจังหวัดพิษณุโลก จากการกินยาเกินขนาด คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2 วัน สิริอายุ 44 ปี ครอบครัวและคนรู้จักต่างตกใจกับการจากไปอย่างกะทันหัน มีรายงานว่าเขาได้จัดเตรียมเอกสารและพินัยกรรมไว้เรียบร้อยก่อนตัดสินใจจบชีวิต


ข้อคิดเตือนใจ

เรื่องราวของเสี่ยอู๊ดเตือนเราว่า:

  • ความดี แม้ยิ่งใหญ่ อาจถูกลืมเมื่อหมดประโยชน์

  • ควรสร้างหลักประกันชีวิตและความมั่นคงควบคู่ไปกับการช่วยเหลือผู้อื่น

  • สถานะและความสัมพันธ์ในสังคมเปลี่ยนแปลงได้เร็ว และบางครั้งเมื่อเราเปลี่ยน สังคมก็พร้อมจะหันหลังให้

การทำความดีควรทำด้วยใจที่ไม่หวังผลตอบแทน พร้อมดูแลหัวใจให้เข้มแข็งพอรับมือกับความไม่แน่นอนของชีวิต และไม่ลืมเผื่อแรง เผื่อเวลา และเผื่อความรักไว้ให้ตัวเอง

 

ชื่อไทยที่ไม่ได้ไทยแท้: ร่องรอยมลายู–เขมร–สันสกฤตบนแผนที่ไทย

ภาษาในสยามไม่เคยอยู่นิ่ง ชื่อบ้านชื่อเมืองจำนวนมาก “ดูเหมือนไทย” แต่จริง ๆ แล้วคือเสียงเก่าที่ล่องลอยมาจากมลายู–อินโดนีเซีย เขมร และอินเดีย ...