วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

มหากาพย์ด้านมืดของประวัติศาสตร์จีน – ฉบับจัดเต็ม เรียงตามปี พร้อมจำนวนผู้เสียชีวิต

ก่อนคริสตกาล – ยุคก่อนรวมชาติ (770–221 BCE)

  • ยุคชุนชิว (770–476 BCE) – ยุคที่รัฐน้อยใหญ่ยังคงสวามิภักดิ์ต่อราชวงศ์โจว แต่ต่างฝ่ายต่างอยากเป็นใหญ่ มีการลอบสังหารผู้นำแทบทุกปี รัฐใหญ่ขยายอำนาจ รัฐเล็กต้องคอยสวามิภักดิ์ เมืองบางเมืองถูกตีแตกจน “ไม่มีคนเหลือพอจะฝังศพ” ตามบันทึกโบราณ เป็นยุคที่วิถีชีวิตของคนธรรมดาเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน—ปลูกข้าววันนี้ พรุ่งนี้อาจต้องอุ้มลูกวิ่งหนีไฟสงคราม

  • ยุครัฐศึก (475–221 BCE) – หนึ่งในยุคที่มีความรุนแรงยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์จีน รัฐเจ็ดรัฐใหญ่รบกันไม่เว้นแต่ละปี เมืองใหญ่ถูกล้อมจนประชากรหายไปทั้งเมือง บางสมรภูมิใช้ทหารรวมกันกว่า 500,000–1,000,000 นายในแต่ละฝ่าย ประชากรจีนคาดว่าลดลงหลายล้านคนจากการรบและการอดอยากซ้อนทับกัน เหตุการณ์ทั้งหมดปูทางให้เกิดแนวคิด “รวมชาติด้วยกำลัง” ซึ่งนำไปสู่การขึ้นครองอำนาจของฉินสื่อหวงในที่สุด

221–206 BCE — ราชวงศ์ฉิน

  • ฉินสื่อหวง สถาปนาจักรวรรดิแรกของจีน แต่ทำด้วยความโหดทางนโยบาย เผาหนังสือ ฝังนักปราชญ์ ผลักดันโครงการก่อสร้างยักษ์ เช่น กำแพงเมืองจีนรุ่นแรก และถนนหลวงหลายพันกิโลเมตร โดยใช้แรงงานเชลย ศพแรงงานจำนวนมากถูกฝังกลบอยู่ใต้แนวกำแพง ประมาณการว่าผู้เสียชีวิตจากโครงการรัฐหลักแสนถึงเกือบล้านคนในช่วงสั้น ๆ เพียงไม่กี่สิบปี เป็นตัวอย่างแรก ๆ ว่าการรวมศูนย์อำนาจสามารถแลกมาด้วยเลือดจำนวนเท่าไร

184–205 CE — กบฏผ้าเหลือง (ราชวงศ์ฮั่น)

  • จุดเริ่มต้นมาจาก ภัยแล้ง + ภาษีหนัก + ความอยุติธรรม ที่กินเวลานานจนชาวบ้านสิ้นหวัง หัวหน้าลัทธิเต๋าใช้ชื่อ “เต๋าแห่งสันติสุข” รวบรวมมวลชนเป็นแสน ชักชวนให้ลุกฮือด้วยคำสัญญาว่าโลกจะเข้าสู่ยุคใหม่ สงครามกินเวลาหลายปี เมืองถูกเผา เสบียงถูกเผาจนชาวบ้านอดอยาก ผู้เสียชีวิต 5–7 ล้านคน เหตุการณ์นี้ทำให้ราชวงศ์ฮั่นเสื่อมลงอย่างรุนแรงและพาประเทศเข้าสู่ยุคสามก๊ก

220–280 CE — ยุคสามก๊ก

  • ยุคที่จีนแตกออกเป็น เว่ย–จ๊ก–ง่อ แต่ละก๊กต้องรบเพื่อเอาตัวรอด สงครามยาวนานกว่า 60 ปี จำนวนประชากรลดจาก 55 ล้าน เหลือเพียง 15–20 ล้าน ตัวเลขผู้ตาย 30–40 ล้านคน บวกโรคระบาดมหาศาล เช่น โรคอหิวาต์และกาฬโรค เมืองบางแห่งถูกยึดแล้วฆ่าล้างอย่างเป็นระบบ ชาวบ้านถูกเกณฑ์จนไม่เหลือแรงงานเพาะปลูก บันทึกจำนวนมากเล่าว่ามีการ “กินซากศพและต้มหนังรองเท้ากิน” เพื่อประทังชีวิต เป็นยุคสงครามกลางเมืองที่โหดที่สุดยุคหนึ่งของจีน

755–763 CE — กบฏอันลู่ซาน (ราชวงศ์ถัง)

  • เหตุการณ์ที่ทำลายราชวงศ์ถังจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม กองกำลังของแม่ทัพอันลู่ซานยึดเมืองใหญ่หลายเมือง รัฐบาลแตกแยก ประชากรจีนร่วงจาก 50 ล้าน เหลือเพียงประมาณ 17 ล้าน คนตายรวม 13–36 ล้านคน เมืองเสฉวน ลั่วหยาง และเมืองสำคัญอื่น ๆ ถูกทำลายจนใช้เวลาหลายร้อยปีจึงฟื้น ประวัติศาสตร์ถือว่านี่คือ “จุดพลิกผัน” ที่ราชวงศ์ถังไม่อาจกลับมารุ่งเรืองได้อีก

880–884 CE — กบฏหวงเฉา

  • หวงเฉาเป็นหัวหน้าพ่อค้าเกลือที่กลายเป็นผู้นำกบฏเพราะระบบภาษีเอาเปรียบ เขากวาดล้างเมืองใหญ่ ฝังคนทั้งเป็นและเผาโกดังเสบียง เมืองลั่วหยางถูกปล้นและเผาจนเหลือแต่ซาก ผู้คนอดอยากหนัก ผู้ตายประมาณ 3–7 ล้านคน และเป็นเหตุให้ราชวงศ์ถังอ่อนแอจนล้มไม่นานหลังจากนั้น

1125–1127 CE — ซ่งเหนือถูกจินโจมตี

  • ชาวจิน (จูร์เจิน) บุกลึกถึงเมืองหลวง เปิดศึกที่ทำลายราชสำนักซ่งอย่างรุนแรง เหตุการณ์ “กบฏสองจักรพรรดิ” ที่กษัตริย์ซ่ง 2 พระองค์ถูกจับไปเป็นเชลยถือเป็นความอัปยศครั้งใหญ่ของจีน ตัวเลขผู้ตาย 5–10 ล้านคน การถูกกวาดต้อนประชากรเป็นหมื่น ๆ คนไปเป็นทาสทำให้สังคมซ่งเหนือพังยับในเวลาไม่นาน

1211–1279 CE — จักรวรรดิมองโกลบุกจีน

  • มองโกลนำสงครามมิติใหม่—เร็ว ดุร้าย และมุ่งเป้าการล้อมเมืองจนสิ้นซาก ประชากรจีนร่วงจาก 120 ล้าน เหลือ 60–70 ล้าน ผู้ตายรวม 40–60 ล้านคน เมืองหลายแห่งถูกทำลายจน “หายจากแผนที่” เช่น เมืองในเสฉวนที่ถูกฆ่าล้างทั้งเมืองเพราะต่อต้านกองทัพมองโกล ผลกระทบทางเศรษฐกิจทำให้จีนต้องใช้เวลาหลายชั่วคนกว่าจะฟื้น

1351–1368 CE — กบฏผ้าแดง & การล่มสลายของหยวน

  • ภาษีหนักสุดโต่ง ภัยธรรมชาติ และระบบราชการที่ล่มสลายทำให้ชาวนาทั่วประเทศเข้าร่วมกบฏผ้าแดง กองทัพกบฏแต่งกายด้วยสีแดง ยึดเมืองหลายเมือง สงคราม กาฬโรค และความอดอยากทำให้ผู้ตาย 6–10 ล้านคน ความวุ่นวายลากยาวจนราชวงศ์หยวนพัง และราชวงศ์หมิงถือกำเนิดขึ้น

1580–1644 CE — ปลายราชวงศ์หมิง (วิกฤตซ้อนวิกฤต)

  • ช่วงนี้จีนเผชิญ ภัยแล้ง 20 ปี, ฝนไม่ตก, ตั๊กแตนระบาด, หิมะตกผิดฤดู, และ โรคระบาดยักษ์ จนชาวบ้านอดอยากทั้งภาคเหนือ บันทึกปี 1630–1644 ระบุว่าประชาชนจำนวนมาก “ขุดดินกิน”, “ต้มหนังสัตว์” และ “กินซากศพของคนที่ตายก่อนหน้า” ผู้ตายรวม 25–30 ล้านคน ก่อนสิ้นสุดราชวงศ์หมิงและเปิดทางให้ชิงขึ้นมาแทน

1644–1683 CE — ช่วงสถาปนาราชวงศ์ชิง (สงครามฟื้นประเทศ)

  • หลังหมิงล่ม ชิงต้องรบกับกลุ่มต่อต้านหลายฝ่าย เช่น พวกกบฏคนเสื้อแดง กองกำลังของเจิ้งเฉิงกงในไต้หวัน และกองกำลังภาคใต้หลายกลุ่ม สงครามยืดหลายสิบปี เมืองถูกตีแตกหลายครั้ง ตัวเลขผู้เสียชีวิตรวม 10–15 ล้านคน จีนใช้เวลาเกือบครึ่งศตวรรษกว่าจะรวมแผ่นดินได้สมบูรณ์

1850–1864 CE — กบฏไท่ผิงเทียนกั๋ว (20–30 ล้านตาย)

  • สงครามกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลกที่ไม่ใช่สงครามโลก เกิดจากชายคนหนึ่งชื่อ หง ซิ่วเฉฺวียน ที่อ้างว่าตนเป็น “น้องชายของพระเยซู” แล้วตั้งลัทธิใหม่ กองกำลังไท่ผิงตั้งรัฐของตนเองในจีนใต้ มีประชากรเข้าร่วมกว่า 30 ล้านคน สงครามกินเวลานาน 14 ปี เมืองใหญ่ถูกล้อมจนอาหารหมด เกิดการกินเนื้อคนในหลายพื้นที่ ผู้ตายรวม 20–30 ล้านคน

1862–1877 CE — กบฏมุสลิม (Dungan Revolt)

  • ความขัดแย้งทางศาสนาและชาติพันธุ์ระเบิดเป็นสงครามครั้งใหญ่ในซินเจียง–กานซู เมืองถูกฆ่าล้างเผาทำลาย ประชาชนหลายล้านต้องหนีข้ามพรมแดนไปเอเชียกลาง จำนวนผู้ตาย 8–10 ล้านคน และเปลี่ยนโครงสร้างประชากรของจีนตะวันตกเฉียงเหนือไปถาวร

1876–1879 CE — มหาทุพภิกขภัยปลายชิง (9–13 ล้านตาย)

  • จีนเจอภัยแล้งยาวนานที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ส่งผลให้เกิดวิกฤตอาหารขนาดมหึมา หลายหมู่บ้านไม่เหลือแม้แต่คนให้บันทึกเรื่องราว ผู้คนเดินเท้าเป็นร้อยกิโลเพื่อหนีความอดอยาก บันทึกบอกว่า "ทางเดินเต็มไปด้วยศพที่ไม่มีใครกล้าฝัง" ผู้ตาย 9–13 ล้านคน

1887 CE — น้ำท่วมแม่น้ำเหลือง (0.9–2 ล้านตาย)

  • น้ำท่วมครั้งนี้รุนแรงจนบ้านเรือนหลายแสนหลังถูกพัดหายภายในไม่กี่ชั่วโมง เมืองทั้งเมืองถูกน้ำกลืน กำแพงดินถล่มถล่มตามมาเป็นลูกโซ่ ผู้คนหลายแสนหนีขึ้นที่สูงแต่ไม่มีอาหารเพียงพอ เกิดโรคระบาดรุนแรงหลังน้ำลด ผู้เสียชีวิตรวม 0.9–2 ล้านคน เหตุการณ์นี้ยิ่งตอกย้ำภาพลักษณ์ว่าแม่น้ำเหลืองคือ “ความเศร้าแห่งแผ่นดินจีน”

1899–1901 CE — กบฏนักมวย (Boxer Rebellion)

  • เกิดจากความเครียดสะสมของประชาชนจีนที่อัดแน่นด้วยความยากจน ภัยแล้ง ความล้มเหลวของรัฐ และความกดดันจากอิทธิพลต่างชาติ กลุ่มนักมวยเชื่อว่าตนมีพลังวิเศษและลุกฮือกำจัดชาวตะวันตก การลุกฮือบานปลายเป็นความรุนแรงทั่วประเทศ มหาอำนาจแปดชาติรวมกำลังเข้าปราบ ทำให้เมืองหลวงถูกยึดและปล้น ผู้เสียชีวิตรวม 100,000–300,000 คน และจีนต้องจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามมหาศาล เป็นหนึ่งในการกดทับชิงให้ใกล้ล้มสลาย

1911–1912 CE — การล่มสลายของราชวงศ์ชิง

  • การปฏิวัติซินไฮ่นำโดยซุนยัตเซ็นทำให้ชิงล่ม จีนเข้าสู่ยุคสาธารณรัฐ แต่แทนที่จะสงบกลับแยกเป็นก๊กต่าง ๆ เพราะขุนศึกท้องถิ่นมีอำนาจมากกว่าเมืองหลวง ความวุ่นวายกินเวลาหลายปี ผู้เสียชีวิตรวมจากการรบย่อย ๆ ในช่วงนี้ราว 500,000–1 ล้านคน เตรียมทางให้สงครามใหญ่อีกหลายครั้งในศตวรรษที่ 20

1927–1949 CE — สงครามกลางเมืองจีน (ก๊กมินตั๋ง vs คอมมิวนิสต์)

  • จีนแตกออกเป็นสองฝ่าย—กองทัพของเจียงไคเช็กและกองกำลังของเหมาเจ๋อตง การรบคั่นด้วยช่วงพักยาวและการสู้กับญี่ปุ่น แต่ความแค้นระหว่างสองฝ่ายรุนแรงจนประชาชนในหลายพื้นที่ต้องใช้ชีวิตเหมือนอยู่ในดินแดนไร้รัฐ เมืองถูกยึดแล้วสลับมือไปมา ชาวบ้านถูกเกณฑ์แบบไม่สมัครใจ ผู้เสียชีวิตรวมราว 8–12 ล้านคน และประเทศแทบไม่เหลือระบบเศรษฐกิจจนหลังปี 1949

1931 CE — น้ำท่วมแยงซี–เหลือง (1–4.2 ล้านตาย)

  • ถือเป็นภัยธรรมชาติที่ฆ่าคนมากที่สุดในศตวรรษที่ 20 น้ำท่วมกินพื้นที่มณฑลทั้งมณฑล ผู้คนหนีขึ้นหลังคาและยอดไม้ รัฐช่วยไม่ทันและโรคระบาดรุนแรงหลังน้ำลด จำนวนคนตายประมาณ 1–4.2 ล้านคน ช่วงนี้ถูกบันทึกว่า “แม้แต่นกก็ไม่มีที่ให้เกาะเพราะน้ำสูงจนปิดพุ่มไม้หมด”

1937–1945 CE — สงครามจีน–ญี่ปุ่น (Second Sino–Japanese War)

  • สงครามที่โหดที่สุดในจีนยุคใหม่ ญี่ปุ่นบุกลึกสู่เมืองใหญ่และชนบท สังหารหมู่ เผาเมือง ลักพาตัวพลเรือน นานกิงเป็นเหตุการณ์เด่นที่มีผู้ถูกฆ่าราว 200,000–300,000 คน แต่รวมทั้งสงครามมีผู้ตาย 15–20 ล้านคน รอยแผลทางสังคมยังหลงเหลือมาถึงปัจจุบัน

1938 CE — การระเบิดเขื่อนหัวโข่ว (500,000–900,000 ตาย)

  • เพื่อชะลอกองทัพญี่ปุ่น รัฐบาลก๊กมินตั๋งตัดสินใจระเบิดเขื่อนแม่น้ำเหลือง น้ำหลากทำลายหมู่บ้านกว่า 4,000 แห่ง ผู้คนตายทันทีจำนวนมากและอีกหลายแสนจากความอดอยากเหตุการณ์นี้ยังเป็นหัวข้อถกเถียงว่าเป็น “ยุทธวิธีสมควรหรืออาชญากรรมต่อประชาชน”

1958–1962 CE — นโยบาย Great Leap Forward & แคมเปญกำจัดนกกระจอก

  • รัฐพยายามยกระดับประเทศด้วยการผลิตเหล็กและแปลงเกษตรรวมศูนย์ แต่นโยบายล้มเหลวจนเกิดการโกหกข้อมูลทั่วประเทศ รัฐเชื่อว่าผลผลิตสูงจึงเก็บเสบียงหมด ทำให้ชาวบ้านไม่มีอาหารเกิด ทุพภิกขภัยครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์ ผู้เสียชีวิต 15–45 ล้านคน

  • ยิ่งไปกว่านั้น แคมเปญฆ่านกกระจอกเพราะคิดว่านกกินเมล็ดพืชทำให้แมลงศัตรูพืชระบาดหนักจนผลผลิตลดฮวบ ทวีความรุนแรงของความอดอยาก

1966–1976 CE — ปฏิวัติวัฒนธรรม (1–3 ล้านตาย)

  • เหมาเจ๋อตงปลุกระดมเยาวชนให้โค่น “ศัตรูของปฏิวัติ” ทำให้ครู ปัญญาชน ผู้เชี่ยวชาญ และคนรุ่นเก่าถูกทำร้าย ทรมาน ประจาน และฆ่า นักวิชาการจำนวนมากฆ่าตัวตายเพราะแรงกดดัน สังคมจีนเสียทรัพยากรบุคคลไปทั้งรุ่น แม้ยอดเสียชีวิต 1–3 ล้าน แต่ผลกระทบทางวัฒนธรรมลึกถึงระดับชาติ

1989 CE — เหตุการณ์เทียนอันเหมิน (ตัวเลขยังเป็นความลับ)

  • นักศึกษานับแสนเรียกร้องประชาธิปไตยและการปฏิรูปการเมือง รัฐส่งกองทัพเข้าสลายด้วยกองกำลังและรถถัง จำนวนผู้เสียชีวิตไม่แน่ชัด—ประเมิน 300–10,000 คน เหตุการณ์นี้กลายเป็น “หลุมดำประวัติศาสตร์” ที่จีนพยายามลบ แต่โลกไม่เคยลืม

บทสรุปของประวัติศาสตร์ด้านมืดจีน

กว่า 3,000 ปี จีนผ่านสงคราม–กบฏ–โรคระบาด–น้ำท่วม–นโยบายล้มเหลว ที่รวมกันคร่าชีวิตผู้คน มากกว่าประเทศใด ๆ ในโลก ภาพรวมที่ได้ไม่ใช่แค่จำนวนคนตาย แต่คือเรื่องราวของประเทศที่ต้องดิ้นรนกับอำนาจ การปกครอง และธรรมชาติอย่างไม่มีหยุดพัก

จีนยุคใหม่ที่ยิ่งใหญ่ในวันนี้ จึงยืนอยู่บนเงาของอดีตอันยาวนาน—เต็มไปด้วยเลือด น้ำตา ความสูญเสีย และบทเรียนของมนุษย์ทั้งชาติ

มหากาพย์ด้านมืดของประวัติศาสตร์จีน – ฉบับจัดเต็ม เรียงตามปี พร้อมจำนวนผู้เสียชีวิต

ก่อนคริสตกาล – ยุคก่อนรวมชาติ (770–221 BCE) ยุคชุนชิว (770–476 BCE) – ยุคที่รัฐน้อยใหญ่ยังคงสวามิภักดิ์ต่อราชวงศ์โจว แต่ต่างฝ่ายต่างอยาก...