ความรักในโลกภาพยนตร์ไม่เคยเป็นเรื่องง่าย เพราะถ้ารักกันปกติ ๆ ก็คงไม่มีใครอยากดู แต่ถ้ารักกันทั้งที่ "ตาบอด หูหนวก ความจำเสื่อม เป็นบ้า" นี่สิ ถึงจะกลายเป็นตำนาน หลายสิบปีที่ผ่านมาวงการหนังใช้ความเจ็บปวด ความไม่สมบูรณ์ และพรมแดนของการรับรู้ มาเป็นเครื่องมือพิสูจน์ว่ารักแท้นั้นยังมีอยู่ แต่มุกเหล่านี้…เราเล่นกันมา หมดแล้ว
ในฐานะผู้ติดตามแนวโรแมนติกดราม่าจากมุมมองของศาสตร์ภาพยนตร์ อุปสรรคที่ถูกนำมาใช้ในพล็อตลักษณะนี้ มักไม่ใช่เพียงอุปสรรคภายนอกเช่นฐานะหรือระยะทาง แต่คือ อุปสรรคทางประสาทสัมผัส ความทรงจำ และจิตสำนึก — ซึ่งเป็น "องค์ประกอบชั้นใน" ที่ท้าทายที่สุดของความรัก นั่นทำให้พล็อตประเภทนี้กลายเป็นเครื่องมืออันทรงพลังในการขุดลึกถึงรากฐานของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ในระดับจิตวิญญาณ
1. ตาบอด แต่ใจยังมองเห็น
-
ตัวอย่าง: Always (2011), At First Sight (1999), Blind (2011)
-
อุปสรรค: การขาดการรับรู้ทางสายตา ทำให้ความรักไม่อิงรูปลักษณ์
-
ความรู้สึกที่ส่งถึงผู้ชม: บีบหัวใจด้วยความเปราะบางและความใกล้ชิดที่อิงเสียง กลิ่น และการสัมผัส เป็นการพิสูจน์ว่ารักแท้ไม่จำเป็นต้อง "มองเห็น"
2. หูหนวก/ใบ้ แต่เข้าใจกันได้
-
ตัวอย่าง: Children of a Lesser God (1986), The Shape of Water (2017)
-
อุปสรรค: ไม่มีช่องทางการสื่อสารด้วยคำพูด
-
ความรู้สึกที่ส่งถึงผู้ชม: ความเงียบถูกยกระดับเป็นบทสนทนา ความเข้าใจเกิดขึ้นจากภาษากาย แววตา การแตะต้อง ทำให้ผู้ชม "ฟัง" ด้วยใจมากกว่าหู
3. ความจำเสื่อม แต่รักฝังอยู่ในจิตใต้สำนึก
-
ตัวอย่าง: Random Harvest (1942), The Vow (2012), Eternal Sunshine of the Spotless Mind (2004), 50 First Dates (2004)
-
อุปสรรค: การสูญเสียความทรงจำซึ่งคือแก่นของตัวตน
-
ความรู้สึกที่ส่งถึงผู้ชม: ความรักที่ยืนหยัดได้แม้ไม่มีความทรงจำเป็นเหมือนการยืนยันว่าความผูกพันคือสิ่งที่ฝังอยู่ลึกกว่าความจำ
4. เป็นบ้า แต่ยังจำกันได้คลับคล้ายคลับคลาว
-
ตัวอย่าง: Oasis (2002), A Beautiful Mind (2001), Girl, Interrupted (1999)
-
อุปสรรค: ภาวะจิตเวชที่ทำให้ความสัมพันธ์ไม่มั่นคง
-
ความรู้สึกที่ส่งถึงผู้ชม: ความรักกลายเป็นสมดุลเดียวที่ยึดโยงชีวิต สะท้อนให้เห็นถึงความเมตตา การให้อภัย และความอดทน
5. คนละโลก คนละเวลา คนละภพ
-
ตัวอย่าง: Your Name (2016), The Time Traveler's Wife (2009), The Lake House (2006), Il Mare (2000)
-
อุปสรรค: พรมแดนของกาลเวลาและมิติ
-
ความรู้สึกที่ส่งถึงผู้ชม: สร้างความโรแมนติกแบบเหนือจริง แฝงปรัชญาเรื่องพรหมลิขิต และความยั่งยืนของความรู้สึกแม้ไม่เคยได้อยู่พร้อมกัน
6. ตายไปแล้ว แต่ยังรักอยู่
-
ตัวอย่าง: Ghost (1990), Always (1989), Be With You (2004 / 2018)
-
อุปสรรค: ความตายเป็นขอบเขตสุดท้ายของชีวิตคู่
-
ความรู้สึกที่ส่งถึงผู้ชม: ผสมความเศร้ากับความหวัง ความรักไม่สิ้นสุดแม้สิ้นลมหายใจ เป็นการปลอบโยนผู้สูญเสียผ่านความแฟนตาซี
7. อยู่ใกล้กัน แต่จำกันไม่ได้ (เพราะเหตุบางอย่าง)
-
ตัวอย่าง: Eternal Sunshine of the Spotless Mind (2004), Random Harvest (1942), Only Yesterday (1991)
-
อุปสรรค: ความทรงจำที่สูญหายหรือถูกลบ
-
ความรู้สึกที่ส่งถึงผู้ชม: ความทรงจำคือสิ่งเปลี่ยนแปลงได้ แต่ความรู้สึกดี ๆ ที่แท้จริงยังฝังอยู่ เป็นการตั้งคำถามว่า "เราคือใคร ถ้าไม่มีอดีต?"
8. ความรักที่ต้องดูแลกันในสภาวะป่วยหนัก / อัมพาต
-
ตัวอย่าง: Me Before You (2016), The Theory of Everything (2014)
-
อุปสรรค: การพึ่งพากายภาพระหว่างกันแบบไม่เท่าเทียม
-
ความรู้สึกที่ส่งถึงผู้ชม: ความรักกลายเป็นการให้โดยไม่มีเงื่อนไข แฝงความเจ็บปวดแบบลึกซึ้งระหว่างความรักกับความสงสาร
9. รักข้ามความแตกต่างทางร่างกาย จิตใจ หรือพันธุกรรม
-
ตัวอย่าง: Her (2013), Blade Runner 2049 (2017), Wonder (2017), Mask (1985)
-
อุปสรรค: ร่างกาย จิตสำนึก หรือสายพันธุ์ที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
-
ความรู้สึกที่ส่งถึงผู้ชม: สะท้อนโลกยุคใหม่ที่ความรักไม่ได้ถูกจำกัดด้วยรูปลักษณ์หรือแม้แต่ความเป็นมนุษย์
10. ความรักที่ไม่มีใครได้พูด ไม่มีใครได้ยิน ไม่มีใครได้แตะต้อง
-
ตัวอย่าง: (ยังไม่ถูกเล่นเต็มรูปแบบ)
-
อุปสรรค: ไม่มีเครื่องมือสื่อสารใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งกาย วาจา หรือแม้แต่การรับรู้ร่วม
-
ความรู้สึกที่ส่งถึงผู้ชม: สุดขั้วของการสื่อสารที่กลายเป็นศิลปะแห่งความเงียบ ความผูกพันในภาวะไร้ความเป็นไปได้
บทสรุป
ไม่ว่าจะตาบอด เป็นบ้า หรือจำกันไม่ได้ โลกของเราก็เล่าเรื่องความรักแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วน เพราะมนุษย์ยังคงตั้งคำถามเดิม: “ถ้าเราเอาทุกอย่างออกไปจากความรัก เหลือแค่ใจ ยังรักกันอยู่ไหม?”
จากมุมมองของทฤษฎีภาพยนตร์ พล็อตรักเหล่านี้คือการทดลองที่มนุษย์ใช้ในการสำรวจขีดจำกัดของความสัมพันธ์ ซึ่งหากเปรียบภาพยนตร์เป็นห้องทดลองของอารมณ์ “รักที่มีอุปสรรคภายใน” คือตัวแปรที่เปล่งพลังมากที่สุด และเป็นคำตอบซ้ำ ๆ ที่เรายังอยากได้ยิน…แม้มันจะซ้ำกี่ครั้งก็ตาม