วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2558

สิ่งที่ได้รู้เมื่อไปเบลเยียม...

เมื่อวันที่ 30/5/2558 - 4/5/2558 ที่ผ่านมา ผมได้เดินทางไปประเทศเบลเยียม ด้วยความอนุเคราะห์ของบริษัทที่ทำงาน ที่ส่งไปช่วยงานเจ้านายช่วยพาลูกค้าไปดูงานที่นั่น
มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ได้รู้ และอยากเอามาบันทึกเอาไว้ อาทิเช่น...
- เมืองที่ไปคือเมือง Roeselare คนใช้ภาษา Dutch กันเป็นหลัก แต่ก็พูดภาษาอังกฤษกันได้แทบทุกคน สื่อสารได้สบายมาก...
- คนที่นี่ไม่ค่อยมีปัญหากับคนต่างเชื้อชาติ ไม่มีใครทำท่ารังเกียจ ที่เจอแทบทั้งหมดนิสัยดี บ้านเมืองดูปลอดภัย...
- ตอนไปอากาศ 18 องศา และค่อยๆ ลดลงทุกวัน จนวันจะกลับเหลือ 10 องศา ลมแรงสะใจ สลับฝนตกแบบปรอยๆ เป็นระยะ หนาวสะใจมากๆ...
- ไปซื้อซิมที่ร้าน Base ไว้เล่นเน็ต 20 euro ได้ 2 GB คุ้มสุดละ แต่สัญญาณบางจุดไม่ค่อยดี ถ้าสัญญาณดีสุดน่าจะ proximus แต่แพงมาก 10 euro ได้แค่ 500 MB
- ในโรงแรมสามดาวจะมี wifi ให้เล่นเน็ตฟรีเป็นปกติ ความเร็วก็ราว 20-30 MB/s ถือว่าดีเลย
- ค่าโรงแรมในเมืองบ้านนอกอย่าง Roeseleare ราวๆ คืนละ 75 euro แต่ในเมืองหลวงอย่าง brussel แบบใจกลางเมือง คืนละ 200 euro...
- ฝรั่งก็หนาวเป็น นี่เป็นคำถามที่ค้างคาใจมานานมากว่า ฝรั่งที่อยู่ในประเทศเมืองหนาว เขารู้สึกหนาวกันบ้างหรือเปล่า หรือเขาจะมีภูมิต้านทานความหนาวสูงกว่าคนประเทศเขตร้อนแบบเราๆ  พอไปถึง ก็ได้เห็นว่า ฝรั่งก็ใส่เสื้อกันหนาวเหมือนเรานี่แหละ ใส่กันทุกคน ใส่หนาด้วย ก็อนุมานได้ว่า เขาก็น่าจะรู้สึกหนาวเหมือนเรานี่แหละ
- ถนนหนทางไม่ได้มีทางเท้ายกเป็นสัน รถวิ่งขึ้นมาจอดได้ แต่ไม่มีคนวางขายของเกะกะ และรถที่จอดก็ต้องหยอดเหรียญจ่ายค่าจอดด้วย
- ตามพื้นยังพอมีก้นบุหรี่หรือเศษขยะเล็กๆ บ้าง แต่ก็มีรถดูดขยะออกมาปั่นกวาดทุกเช้า
- มีรถเก็บขยะ และดูดท่อระบายน้ำให้สะอาด สัปดาห์ละครั้้งตอนเช้าๆ วันพุธเย็นๆ นี่เขาเอาถุงขยะออกมากองเต็มทางเท้าเลย รอรถมาเก็บ
- ช่วงที่ไปเป็นต้นเดือนมิถุนา หรือเดือน 6 เขาบอกปกติจะเริ่มเข้าหน้าร้อน เช้าก็สว่างราวหกโมงปกติ แต่มืดช้ามาก สองทุ่มนี่พระอาทิตย์ยังแยงตาอยู่ที่มุมยอดตึก 40 องศาอยู่เลย กว่าจะมืดสลัว ก็ราวสี่ทุ่มกว่าไปแล้ว มีเวลาเดินเล่นเยอะมาก...
- แต่ปัญหาคือร้านค้าที่นี่แทบทุกร้าน เปิด 9:30 และปิด 18:30 จะเอาเวลาไหนไปซื้อของทัน โหดมาก...
- ร้านอาหารนี่ น่าจะมีคนทำงานสองสามคนเท่านั้น คนทำอาหารคน คนเสริฟอีกคน คนเสริฟนี่โหดมาก ต้องทำทุกอย่าง ทั้งรับออเดอร์ จัดโต๊ะ เสริฟอาหาร เก็บจาน เก็บเงิน ทอนเงิน ครบเลย ใช้คุ้มสุดๆ...
- เบียร์ หรือน้ำอัดลม หรือน้ำเปล่า ขายราคาเท่ากันหมด ประมาณ 2-3 ยูโร แล้วแต่ร้าน แล้วใครจะกินน้ำเปล่าละครับ...
- สมเป็นเมืองเบียร์คือมีเบียร์ให้เลือกเยอะมาก ทั้งท้องถิ่นและจากที่อื่นหลายยี่ห้อ หลายแบบทั้งใส ขุ่น และเบียร์ผลไม้สีเข้ม กินให้หมดตัวก็ไม่ครบ...
- อาหารที่มาแล้วต้องกินคือหอยแมลงภู่อบซอสในหม้อ จำชื่อไม่ได้ละ อะไร muscel นี่แหละ มีซอสให้เลือกหลายอย่าง บ้างแนะนำซอสไวน์ขาว แต่ผมว่าซอสกระเทียมอร่อยกว่า ให้มาทีหอยเต็มหม้อ แกะกินไป กว่าจะหมด อิ่มพอดี...
- อาหารเคียงที่มีแทบทุกมื้อคือ frite หรือมันฝรั่งทอด ราคารวมในอาหารจานหลัก ที่นี่จะทอดชิ้นใหญ่ๆ หนาๆ จิ้มมายองเนส หรือซอสมะเขือเทศแล้วแต่เรา ให้มาทีจานใหญ่ๆ กินกันจุกก็ไม่หมด...
- อาหารเฉลี่ยจานละ 20 euro ถูกแพงกว่านี้ไม่มาก ถ้ากินอาหารจีนหรือไทยจะถูกกว่าอาหารอิตาลี...
- ภาษี VAT โหดร้ายมาก เจอ 21% เวลากินอาหารหรือซื้อของ พวกไปอีกเพียบเลย
- แถมหลายร้านก็บวก service charge เพิ่มไปอีก...
- และบางร้าน พนักงานเสริฟ ยังขอทิปอีก... ก็ให้นะ เห็นว่าทำงานดี...
- กินมาหลายมื้อ ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าอาหารประจำที่ชาวเบลเยียมกินกันคืออะไร เพราะเจอแต่อาหารอิตาลี อาหารจีน และอาหารไทย... -_-"
- ขนมปังพวกครัวซองต์อร่อยมาก หอมสุดๆ
- ถ้าไม่สนใจบรรยากาศ ไปซื้อของกินหรือเบียร์ที่ซุปเปอร์มาเก็ต ถูกกว่าพอสมควร...
- ของที่นั่นถูกมาก ใช่ครับ ของที่นั่นถูกจริงๆ เทียบเป็นเงินไทยแล้วก็ยังถูก ไม่ว่าจะของกินของใช้ เสื้อผ้าอาหาร เทียบกันแล้ว จ่ายราคาเท่าเรา บางอย่างถูกกว่าด้วยซ้ำ อย่างขนมปังครัวซองต์อย่างอร่อย ซื้อจากเบเกอรี่ชิ้นละ 1 euro หรือ waffle ที่เป็นของดัง ก็ชิ้นละ 2 euro ยกเว้นที่มีโปะหน้า ก็ขึ้นเป็นสามสี่ยูโรไปแล้วแต่หน้า ไปได้ฮู้ดทับกันหนาวมาตัวละ 25.99 euro ตกพันเดียว ในไทยนี่น้อยๆ ต้องมีพันกลางๆ เสื้อกันหนาวแบบกันละอองฝนก็ราคาพอกัน เสื้อกันหนาวแบบหนังดีๆ สวยๆ ตัวละไม่เกิน 6,000 บาท รองเท้ากระเป๋า ถูกไปหมด กระเป๋า kipling ในไทย คิดแล้วบวกราคาเท่านึงของที่นั่นเลย
- ในห้างมีขายของฝากเวลาไปบ้านเพื่อนยอดฮิต 3 อย่างอยู่หน้าร้านคือ ช็อกโกแลต เหล้า และดอกไม้...
- ดอกกุหลาบขายดอกละ 20 บาท ไม่แพงเลย...
- รถเข็นชอปปิ้งที่นี่เจ๋งดี เป็นตะกร้าพลาสติกใหญ่ๆ ที่มีล้อ สามารถหิ้วได้ หรือจะดึงหูหิ้วด้านยาวออกมาลากเป็นรถเข็นก็ได้ สะดวกดี ไม่กินที่ด้วย...
- คนที่นี่ซื้อของไม่ค่อยเอาถุงพลาสติก แต่จะเอากระเป๋ามาใส่กันเอง บ้างก็เอากระเป๋าหิ้วใหญ่ๆ บ้างก็เอากระเป๋าแบบรถเข็นวางไว้หน้าร้าน ซื้อเสร็จก็ถ่ายของจากตระกร้าไปใส่กระเป๋าตัวเองแล้วเข็นกลับบ้าน...
- ในย่านท่องเที่ยว คนขายในร้านช็อกโกแลตมีแต่สาวจีนยืนขาย คาดว่าเพราะมีคนจีนมาเยอะมาก...
- รถไฟระหว่างเมือง นั่งวันเสาร์อาทิตย์ มีตั๋วแบบ weekend ราคาไปกลับไปเมือง Brugge แค่ 6 euro ถูกดี...
- แท็กซี่แบบเอกชนเหมาคันรถตู้ คิดแบบ fix rate ที่ 65 euro ไปหลายคนคุ้มกว่า...

เท่าที่นึกออกก็ประมาณนี้ ถ้านึกอะไรออกค่อยมาเพิ่มละกัน...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เชิญแสดงความคิดเห็น

15 ตัวอย่างการตลาดที่ผิดพลาดของแบรนด์ใหญ่

1. Hoover: โปรโมชั่น "บินฟรี" ที่ล้มเหลว (1992) ที่มา: Hoover ต้องการกระตุ้นยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ตกต่ำในยุโรป จึงเสนอโปรโมชั่น ...