ประโยค meme ที่เกิดจากอินเตอร์เน็ตคำนี้ คงจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว
ก็คงไม่พูดถึงให้เสียเวลา...
แต่มันทำให้นึกถึงประสบการณ์ในวัยเด็กของตัวเองได้ดีเหมือนกันครับ
ตอนเด็ก เหมือนว่าผมจะถูกสอนมาว่าโลกนี้มีแค่ขาวกับดำ
ทุกอย่างมีเส้นแบ่งชัดเจน คือ ถูก-ผิด คนดี-คนชั่ว อะไรทำนองนั้น
พอพ้นจากอกพ่อแม่ เด็กต้องเข้าไปเรียนหนังสือในโรงเรียน
สิ่งที่เขาพอจะพึ่งพิงในฐานะอำนาจเหนือฝ่ายดีได้ ก็คงเป็นคุณครู
พ่อแม่มักสอนว่า ถ้ามีเรื่องอะไรให้ไปบอกครู
โดนเพื่อนแกล้ง ของหาย หรือมีปัญหาอะไร ให้ไปบอกครู
ถ้าเด็กๆ ด้วยกัน ก็จะเรียกว่าฟ้องครู คนฟ้องก็ถูกเรียกว่าไอ้ขี้ฟ้อง ตามสูตร
เสร็จแล้วครูก็จะมาถามว่า ใครผิด?
ตัดสินกับแบบ ขาว-ดำ
ทำให้ผมคิดว่า คนร่วมยุคร่วมสมัยกับผม น่าจะถูกหล่อหลอมมาแบบนี้เหมือนกันหลายคน
คือจะต้องอิงอาศัยอำนาจเหนือ อะไรสักอย่าง เพื่อตัดสินสิ่งตรงหน้าแบบ ขาว-ดำ
ไม่มีตรงกลาง ไม่มีเทาๆ แทบไม่มีคำว่า ถูกทั้งคู่
เพราะมันมีแค่ใครผิด กับผิดทั้งคู่ และถูกตีทั้งคู่ไปตามระเบียบ... -_-
พอโตขึ้นสักหน่อย ผมพบว่า อำนาจเหนือที่จะให้เราพึ่งพิงได้เริ่มน้อยลงเรื่อยๆ
เราเลิกฟ้องครู เลิกฟ้องพ่อแม่ แต่ตัดสินด้วยหัวโจก
ใครแข็งแรงที่สุด นั่นแหละ ผู้มีอำนาจเหนือ
จบชีวิตการศึกษา ออกมาทำงาน ก็วนมาฟ้องหัวหน้า ฟ้องเจ้านาย
นอกชีวิตทำงาน ฟ้องใคร ฟ้องตำรวจ ฟ้องผู้มีอิทธิพล
หลายครั้งที่รู้สึกว่าไม่อยากจะพึ่งพิงใคร ไม่อยากอยู่ใต้อำนาจเหนือของใคร
กลับทำให้กลายเป็นคนไร้อำนาจสิ้นเชิง
ก็โดนไอ้พวกขี้ฟ้องพวกนี้แหละ ใช้อำนาจเหนือมาเอารัดเอาเปรียบ
ซึ่งโดนในรูปแบบไหน คงไม่ต้องสาธยายให้มากความ
กลายเป็นว่า การอยากเป็นปัจเจกบุคคลซึ่งมีสิทธิเสรีภาพเต็มเท่าเทียมกันหมด
กลับเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก หรือเป็นไปไม่ได้เลย
เพราะเราก็อยู่ในระบบแบบนี้กันมา และก็อยู่แบบนี้กันไป มาตลอด ไม่เคยเปลี่ยน
สุดท้าย ถ้าอยากอยู่อย่างปลอดภัย
ก็จะพบว่าตัวเองกำลังวิ่งเข้าหาอำนาจเหนืออะไรสักอย่าง เพื่อเอาไว้คุ้มกะลาหัว
ถึงจะอยากหรือไม่อยาก รู้หรือไม่รู้
เราทุกคนก็ทำมันอยู่... หรือไม่จริง?