สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาที่กำลังปะทุขึ้นไม่ได้เกิดขึ้นในสุญญากาศ หากแต่เกิดท่ามกลางสายตาของ “เพื่อนบ้าน” และ “มหาอำนาจโลก” ที่ต่างจับจ้อง ตีความ และขยับหมากอย่างระวัง เพราะไทยไม่ใช่เพียงผู้ถูกรุกราน แต่เป็น “หมากสำคัญ” บนกระดานภูมิรัฐศาสตร์ของทั้งภูมิภาค
ในบทความนี้ เราชวนมองแบบเข้าใจง่าย ๆ ว่า… ใครกำลังทำตัวแบบไหนกับไทย? ใครจริงใจ ใครเสี้ยม ใครนิ่งดูเชิง — และทั้งหมดนี้เป็นการวิเคราะห์แนวโน้ม ไม่ใช่ข้อสรุปตายตัว
🎯 วิเคราะห์เชิงกลยุทธ์: ใคร “ทำตัวแบบไหน” กับไทย
🌐 มหาอำนาจโลก
🇨🇳 จีน – “เทกแคร์เขมร แต่ไม่อยากให้เสียไทย”
-
จีนเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์กับกัมพูชา แต่ก็ไม่อยากให้ไทยเอียงเข้าหาสหรัฐฯ
-
จึงแถลงแบบกลาง ๆ ว่าอยากให้เจรจา แต่ไม่เคยตำหนิกัมพูชาเลยแม้แต่นิด
-
เหตุผลสำคัญ: หากเกิดสงคราม จะกระทบความน่าเชื่อถือของโครงการ Belt and Road (BRI) ที่ลงทุนไว้ทั่วภูมิภาค รวมถึงไทย
🇺🇸 สหรัฐ – “ดึงเกมให้นาน กดดันให้ไทยต้องเลือกข้าง”
-
ไม่ปกป้องไทยตรง ๆ แต่เสนอให้ “หยุดยิงและเจรจา” เพื่อควบคุมทิศทางการสื่อสาร (narrative)
-
เป้าหมายระยะยาวคือกดดันให้ไทยออกจากจุดกึ่งกลาง และเลือกเข้าข้างตะวันตก
-
หากไทยถูกกัมพูชากระทำซ้ำ ๆ ก็จะมีแนวโน้มเอียงฝั่งอเมริกามากขึ้น
-
ใช้นโยบาย soft pressure มากกว่าความช่วยเหลือทางทหารตรง ๆ เพราะไม่ต้องการให้เกิดความแตกแยกในอาเซียนมากเกินไป
🌐 EU / 🇫🇷 ฝรั่งเศส – “เฝ้าดูแล้วจะพูดเมื่อจำเป็น”
-
ตอนนี้ยังเงียบ แต่ถ้ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนชัดเจนในฝั่งใด ฝรั่งเศสหรือ EU จะพูดเสียงดังขึ้น
-
ฝรั่งเศสมีประวัติสัมพันธ์ลึกซึ้งกับกัมพูชา ทั้งในด้านวัฒนธรรมและมรดกโลก เช่น ปราสาทพระวิหาร
-
จึงยังไม่อยากออกหน้าแรงในตอนนี้ รอดูสถานการณ์ก่อน
🌏 ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
🇻🇳 เวียดนาม – “กลัวเขมรโต เลยเงียบแบบระแวดระวัง”
-
เวียดนามมีอดีตรบกับกัมพูชาในสงครามสมัยเขมรแดง และยังไม่ไว้ใจรัฐบาลกัมพูชาเต็มที่
-
จึงวางตัวระมัดระวัง พูดแค่ “กังวล” โดยไม่เอ่ยถึงฝ่ายใดเป็นพิเศษ
-
หากเห็นว่ากัมพูชาเริ่มแข็งแรงเกินไป อาจเปลี่ยนท่าทีทันที
🇸🇬 สิงคโปร์ – “ขออยู่กลางแบบฉลาด”
-
เน้นให้ใช้กลไกเจรจาผ่านอาเซียน ไม่สนับสนุนการใช้กำลัง
-
วางตัวเป็นกลาง เพื่อรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจที่สิงคโปร์พึ่งพาอย่างสูง
-
มีบทบาท soft power เบื้องหลัง ทั้งด้านการเงิน การลงทุน และการทูต
🇲🇾 มาเลเซีย – “อย่าให้ไฟลามทุ่งมาถึงบ้านเรา”
-
พยายามไม่เลือกข้าง แถลงเพียงความห่วงใยและเรียกร้องให้เจรจา
-
กลัวว่าความขัดแย้งจะกระทบเสถียรภาพภูมิภาค และทำให้เกิดการแบ่งขั้วในอาเซียน
🇮🇩 อินโดนีเซีย – “อย่าแตกแยกในอาเซียนเลย ขอร้อง”
-
เรียกร้องให้อาเซียนสามัคคีกันและหาทางออกผ่านเวทีภูมิภาค
-
ไม่สนับสนุนการใช้กำลัง และกลัวว่าความแตกแยกจะลดบทบาทของอาเซียนในเวทีโลก
🇵🇭 ฟิลิปปินส์ – “มองจีนเป็นภัย ไม่ชอบเขมรเท่าไหร่”
-
มีท่าทีคล้ายสหรัฐฯ สนับสนุนให้ใช้สันติวิธี แต่ใจเอนเอียงมาทางไทย
-
เพราะไม่อยากเห็นจีนขยายอิทธิพลผ่านกัมพูชา ซึ่งอาจทำให้จีนแข็งแกร่งในภูมิภาคเพิ่มขึ้น
🇱🇦 ลาว – “เกรงใจจีน เก็บตัวเงียบ”
-
ไม่แสดงจุดยืนใด ๆ เพราะอยู่ภายใต้อิทธิพลของจีนสูงมาก
-
ไม่มีแรงจูงใจจะเข้าข้างไทย และกลัวจะเป็นชนวนความขัดแย้งเพิ่มหากพูดผิดฝั่ง
🇲🇲 เมียนมา – “ติดสงครามในบ้านตัวเอง”
-
รัฐบาลทหารกำลังต่อสู้กับกองกำลังชนกลุ่มน้อยในประเทศ จึงไม่มีเวลาหรือศักยภาพจะเข้าแทรกแซงหรือออกความเห็น
-
หากพูดอะไร ก็อาจพูดเข้าข้างไทยเพื่อหวังการสนับสนุนจากรัฐบาลไทยในเวทีนานาชาติ
🇯🇵 ญี่ปุ่น – “ขออยู่แบบเพื่อนดีทุกฝ่าย”
-
สนับสนุนการเจรจา หลีกเลี่ยงความรุนแรง เพราะไม่อยากให้ห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) ในอาเซียนปั่นป่วน
-
ลงทุนในไทยและอาเซียนสูงมาก จึงต้องการเสถียรภาพเป็นหลัก
🧠 บทสรุป : ไทยกลายเป็นเป้า ทั้งจากเพื่อน และจากหมากของคนอื่น
-
🇨🇳 จีนกลัวเสียหมากให้ตะวันตก → เลยพูดกลาง ๆ
-
🇺🇸 อเมริกาอยากให้เกมยืด → เพื่อดันไทยเข้าฝั่งตะวันตก
-
🇻🇳 เวียดนามจับตาเขมร → ไม่ไว้ใจใคร แต่ยังไม่แสดงไพ่
-
🇯🇵 ญี่ปุ่นอยากให้ทุกอย่างจบไว → ไม่อยากเสียซัพพลายเชน
-
🇪🇺 ฝรั่งเศส/EU เฝ้าดูเงียบ ๆ → รอดูว่าเรื่องสิทธิมนุษยชนจะเด่นชัดแค่ไหน
-
🇸🇬🇲🇾🇮🇩 สิงคโปร์-มาเลเซีย-อินโดนีเซีย → ขอเพียงอาเซียนไม่แตกแยก
-
🇵🇭 ฟิลิปปินส์ พร้อมหนุนไทยเงียบ ๆ หากเกมยืดยาว
ในเกมที่หมากถูกวาง ไทยไม่ควรยอมเป็นหมากใคร — แต่ต้องวางตัวเองเป็นคนเล่นกระดานแทน