หากคุณเคยพบก้อนนูนใต้ผิวหนังที่กดแล้วเจ็บ บีบออกมาเป็นไขมันสีขาว ๆ มีกลิ่นเหม็น และหายไปสักพักแต่กลับมาเกิดใหม่อีก คุณอาจกำลังเผชิญกับ "ซีสต์ไขมันใต้ผิวหนัง (Sebaceous Cyst หรือ Epidermoid Cyst)" ซึ่งเป็นภาวะที่พบได้บ่อย แต่หลายคนอาจไม่รู้ว่าควรรักษาอย่างไรให้หายขาด
ซีสต์ไขมันใต้ผิวหนังคืออะไร?
ซีสต์ไขมันใต้ผิวหนังคือก้อนซีสต์ที่เกิดจากการอุดตันของต่อมไขมันหรือการสะสมของเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วอยู่ภายในรูขุมขน ทำให้เกิดเป็นถุงใต้ผิวหนังที่เต็มไปด้วยไขมันหรือเคราติน อาจมีขนาดเล็กหรือโตขึ้นเรื่อย ๆ และหากติดเชื้อจะมีอาการอักเสบ บวมแดง และมีกลิ่นเหม็น
สาเหตุของซีสต์ไขมันใต้ผิวหนัง
- การอุดตันของต่อมไขมัน – ต่อมไขมันที่อยู่ใต้ผิวหนังทำหน้าที่ผลิตน้ำมันหล่อเลี้ยงผิว แต่เมื่อมีการอุดตัน ไขมันไม่สามารถระบายออกมาได้ ทำให้สะสมเป็นก้อนซีสต์
- การสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว – เคราตินและเซลล์ผิวหนังที่หลุดลอกออกไม่สามารถถูกขจัดได้ตามปกติ ทำให้เกิดการสะสมและเกิดเป็นถุงซีสต์
- บาดแผลหรือการระคายเคืองเรื้อรัง – การโกนขนหรือการเสียดสีของผิวหนังบ่อย ๆ อาจกระตุ้นให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน
- พันธุกรรม – คนที่มีประวัติครอบครัวเป็นซีสต์ไขมันมักมีแนวโน้มเป็นได้ง่ายกว่า
- การติดเชื้อแบคทีเรีย – หากซีสต์ติดเชื้อจะทำให้เกิดหนอง มีกลิ่นเหม็น และอาจลุกลามได้
ซีสต์ไขมัน vs. ขนคุด: แตกต่างกันอย่างไร?
หลายคนอาจสับสนระหว่างซีสต์ไขมันกับขนคุด (Ingrown Hair) แต่จริง ๆ แล้วมีความแตกต่างกันชัดเจนดังนี้:
ลักษณะ | ขนคุด (Ingrown Hair) | ซีสต์ไขมัน (Sebaceous/Epidermoid Cyst) |
---|---|---|
ลักษณะก้อน | ตุ่มแดงเล็ก ๆ อาจมีขนฝังอยู่ | ก้อนใต้ผิวหนังขนาดเล็ก-ใหญ่ขึ้นได้ |
การอักเสบ | มีอาการบวมแดง อาจมีหนองเล็ก ๆ | หากติดเชื้อจะมีหนอง มีกลิ่นเหม็น |
สิ่งที่ออกมา | หนองหรือเลือดเล็กน้อย | ไขมันสีขาวหรือเหลือง มีกลิ่นเหม็น |
การรักษา | ถอนขนออก และดูแลผิว | ต้องผ่าตัดหรือดูแลพิเศษ |
หากพบว่ามีไขมันขาว ๆ และมีกลิ่นเหม็นออกมา อาการดังกล่าวมักเป็น ซีสต์ไขมัน ไม่ใช่ขนคุด
วิธีรักษาซีสต์ไขมันใต้ผิวหนัง
วิธีดูแลเบื้องต้น
- ไม่ควรบีบซีสต์เอง – การบีบซีสต์อาจทำให้เชื้อแบคทีเรียแพร่กระจายและเกิดการอักเสบมากขึ้น
- ประคบร้อน – ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นประคบซีสต์วันละ 10-15 นาที จะช่วยให้ซีสต์ระบายออกเอง
- ยาฆ่าเชื้อเฉพาะที่ – หากมีอาการอักเสบ แนะนำให้ใช้ครีมหรือเจลปฏิชีวนะ เช่น Mupirocin (Bactroban) หรือ Clindamycin Gel
การรักษาโดยแพทย์
หากซีสต์มีขนาดใหญ่หรือเกิดซ้ำ ๆ การรักษาที่ดีที่สุดคือ การผ่าตัดเอาถุงไขมันออก ซึ่งมี 2 วิธีหลัก ได้แก่:
- การกรีดระบายหนอง (Incision & Drainage) – เหมาะสำหรับซีสต์ที่ติดเชื้อ แต่มีโอกาสกลับมาเป็นอีก
- การผ่าตัดซีสต์ทั้งถุง (Excision Surgery) – วิธีนี้จะเอาถุงไขมันออกทั้งหมด ป้องกันการเกิดซ้ำได้ดีที่สุด
เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์?
- ซีสต์มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ
- มีอาการอักเสบรุนแรง เจ็บ ปวด หรือเป็นหนอง
- ซีสต์แตกออกเองและมีกลิ่นเหม็นมาก
- ซีสต์เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ในตำแหน่งเดิม
สรุป
ซีสต์ไขมันใต้ผิวหนังเป็นภาวะที่พบได้บ่อยและมักไม่อันตราย แต่หากติดเชื้อหรือเกิดซ้ำควรได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม การผ่าตัดเอาถุงไขมันออกเป็นวิธีที่ได้ผลดีที่สุดในการป้องกันการเกิดซ้ำ หากคุณมีอาการดังกล่าวอย่าปล่อยไว้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาให้หายขาด!