วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

ซีสต์ไขมันใต้ผิวหนัง: สาเหตุ อาการ และวิธีรักษาให้หายขาด

หากคุณเคยพบก้อนนูนใต้ผิวหนังที่กดแล้วเจ็บ บีบออกมาเป็นไขมันสีขาว ๆ มีกลิ่นเหม็น และหายไปสักพักแต่กลับมาเกิดใหม่อีก คุณอาจกำลังเผชิญกับ "ซีสต์ไขมันใต้ผิวหนัง (Sebaceous Cyst หรือ Epidermoid Cyst)" ซึ่งเป็นภาวะที่พบได้บ่อย แต่หลายคนอาจไม่รู้ว่าควรรักษาอย่างไรให้หายขาด

ซีสต์ไขมันใต้ผิวหนังคืออะไร?

ซีสต์ไขมันใต้ผิวหนังคือก้อนซีสต์ที่เกิดจากการอุดตันของต่อมไขมันหรือการสะสมของเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วอยู่ภายในรูขุมขน ทำให้เกิดเป็นถุงใต้ผิวหนังที่เต็มไปด้วยไขมันหรือเคราติน อาจมีขนาดเล็กหรือโตขึ้นเรื่อย ๆ และหากติดเชื้อจะมีอาการอักเสบ บวมแดง และมีกลิ่นเหม็น

สาเหตุของซีสต์ไขมันใต้ผิวหนัง

  1. การอุดตันของต่อมไขมัน – ต่อมไขมันที่อยู่ใต้ผิวหนังทำหน้าที่ผลิตน้ำมันหล่อเลี้ยงผิว แต่เมื่อมีการอุดตัน ไขมันไม่สามารถระบายออกมาได้ ทำให้สะสมเป็นก้อนซีสต์
  2. การสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว – เคราตินและเซลล์ผิวหนังที่หลุดลอกออกไม่สามารถถูกขจัดได้ตามปกติ ทำให้เกิดการสะสมและเกิดเป็นถุงซีสต์
  3. บาดแผลหรือการระคายเคืองเรื้อรัง – การโกนขนหรือการเสียดสีของผิวหนังบ่อย ๆ อาจกระตุ้นให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน
  4. พันธุกรรม – คนที่มีประวัติครอบครัวเป็นซีสต์ไขมันมักมีแนวโน้มเป็นได้ง่ายกว่า
  5. การติดเชื้อแบคทีเรีย – หากซีสต์ติดเชื้อจะทำให้เกิดหนอง มีกลิ่นเหม็น และอาจลุกลามได้

ซีสต์ไขมัน vs. ขนคุด: แตกต่างกันอย่างไร?

หลายคนอาจสับสนระหว่างซีสต์ไขมันกับขนคุด (Ingrown Hair) แต่จริง ๆ แล้วมีความแตกต่างกันชัดเจนดังนี้:

ลักษณะ ขนคุด (Ingrown Hair) ซีสต์ไขมัน (Sebaceous/Epidermoid Cyst)
ลักษณะก้อน ตุ่มแดงเล็ก ๆ อาจมีขนฝังอยู่ ก้อนใต้ผิวหนังขนาดเล็ก-ใหญ่ขึ้นได้
การอักเสบ มีอาการบวมแดง อาจมีหนองเล็ก ๆ หากติดเชื้อจะมีหนอง มีกลิ่นเหม็น
สิ่งที่ออกมา หนองหรือเลือดเล็กน้อย ไขมันสีขาวหรือเหลือง มีกลิ่นเหม็น
การรักษา ถอนขนออก และดูแลผิว ต้องผ่าตัดหรือดูแลพิเศษ

หากพบว่ามีไขมันขาว ๆ และมีกลิ่นเหม็นออกมา อาการดังกล่าวมักเป็น ซีสต์ไขมัน ไม่ใช่ขนคุด

วิธีรักษาซีสต์ไขมันใต้ผิวหนัง

วิธีดูแลเบื้องต้น

  1. ไม่ควรบีบซีสต์เอง – การบีบซีสต์อาจทำให้เชื้อแบคทีเรียแพร่กระจายและเกิดการอักเสบมากขึ้น
  2. ประคบร้อน – ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นประคบซีสต์วันละ 10-15 นาที จะช่วยให้ซีสต์ระบายออกเอง
  3. ยาฆ่าเชื้อเฉพาะที่ – หากมีอาการอักเสบ แนะนำให้ใช้ครีมหรือเจลปฏิชีวนะ เช่น Mupirocin (Bactroban) หรือ Clindamycin Gel

การรักษาโดยแพทย์

หากซีสต์มีขนาดใหญ่หรือเกิดซ้ำ ๆ การรักษาที่ดีที่สุดคือ การผ่าตัดเอาถุงไขมันออก ซึ่งมี 2 วิธีหลัก ได้แก่:

  • การกรีดระบายหนอง (Incision & Drainage) – เหมาะสำหรับซีสต์ที่ติดเชื้อ แต่มีโอกาสกลับมาเป็นอีก
  • การผ่าตัดซีสต์ทั้งถุง (Excision Surgery) – วิธีนี้จะเอาถุงไขมันออกทั้งหมด ป้องกันการเกิดซ้ำได้ดีที่สุด

เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์?

  • ซีสต์มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ
  • มีอาการอักเสบรุนแรง เจ็บ ปวด หรือเป็นหนอง
  • ซีสต์แตกออกเองและมีกลิ่นเหม็นมาก
  • ซีสต์เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ในตำแหน่งเดิม

สรุป

ซีสต์ไขมันใต้ผิวหนังเป็นภาวะที่พบได้บ่อยและมักไม่อันตราย แต่หากติดเชื้อหรือเกิดซ้ำควรได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม การผ่าตัดเอาถุงไขมันออกเป็นวิธีที่ได้ผลดีที่สุดในการป้องกันการเกิดซ้ำ หากคุณมีอาการดังกล่าวอย่าปล่อยไว้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาให้หายขาด!

ข้อพิพาททางธุรกิจระหว่าง QCP (มหากิจศิริ) และ Nestlé กับกรณีศึกษาเปรียบเทียบ

บทนำ กรณีพิพาททางธุรกิจระหว่างบริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์ส จำกัด (QCP) ซึ่งเป็นบริษัทภายใต้กลุ่มทุนมหากิจศิริ กับบริษัท Nestlé ผู้ถือครอ...