วันเสาร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2568

UNHCR กับความลักลั่นในกรณีชาวอุยกูร์: เมื่อไทยถูกกดดันแต่ไม่ได้รับความช่วยเหลือ

เมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลไทยได้ดำเนินการส่งตัวชาวอุยกูร์จำนวน 40 คนกลับประเทศจีน หลังจากที่พวกเขาถูกควบคุมตัวในไทยมานานกว่า 10 ปี การกระทำดังกล่าวได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากองค์กรสิทธิมนุษยชนและนานาชาติ โดยเฉพาะจาก UNHCR (สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ) ที่ออกมาแสดงความกังวลว่าการส่งตัวดังกล่าวอาจเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน

แต่ปัญหาที่สำคัญกว่านั้นคือ UNHCR เองกลับไม่ได้ให้ความช่วยเหลือแก่ไทยในการหาทางออกที่เหมาะสมก่อนหน้านี้ เมื่อไทยร้องขอให้มีการดูแลชาวอุยกูร์ที่ติดค้างในศูนย์กักกัน UNHCR กลับปฏิเสธความช่วยเหลือโดยให้เหตุผลว่าไม่ต้องการให้จีนไม่พอใจ ทำให้ไทยต้องตกอยู่ท่ามกลางแรงกดดันจากทุกฝ่าย


1. ปฏิกิริยาของ UNHCR: ประณามแต่ไม่ช่วยเหลือ

UNHCR ได้ออกแถลงการณ์ว่า "รู้สึกผิดหวังอย่างยิ่ง" ต่อการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจีน และระบุว่าการกระทำดังกล่าวขัดต่อหลักการ "ห้ามส่งกลับ" (non-refoulement) ซึ่งเป็นหลักสากลที่ห้ามมิให้ส่งตัวผู้ลี้ภัยกลับไปยังประเทศที่พวกเขาอาจถูกประหัตประหาร อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา UNHCR กลับไม่ได้แสดงความพยายามในการช่วยเหลือไทยให้หาทางออกที่ดีกว่านี้

กรณีนี้แสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งในตัวเองของ UNHCR เพราะเมื่อไทยร้องขอให้มีการช่วยเหลือในการโยกย้ายชาวอุยกูร์ไปยังประเทศที่สาม UNHCR กลับปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่าไม่ต้องการให้จีนโกรธ นั่นหมายความว่าองค์กรนี้ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ทางการเมืองมากกว่าสิทธิมนุษยชนที่พวกเขาอ้างว่าปกป้อง


2. ไทยถูกกดดันจากทุกฝ่าย แต่ต้องแก้ปัญหาเอง

กรณีของชาวอุยกูร์ทำให้ไทยตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก

  • แรงกดดันจากจีน: จีนต้องการให้ไทยส่งตัวชาวอุยกูร์กลับ โดยอ้างว่าพวกเขาเป็นภัยความมั่นคง
  • แรงกดดันจากตะวันตก: UNHCR, สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ต่างออกมาประณามไทยที่ส่งตัวพวกเขากลับ แต่ไม่มีใครช่วยเหลือในการหาทางออก
  • ปัญหาภายในไทยเอง: การกักตัวผู้ลี้ภัยเป็นเวลานานกว่าทศวรรษไม่ใช่ทางออกที่ยั่งยืน ไทยไม่ได้รับทรัพยากรจากนานาชาติเพื่อดูแลพวกเขา ทำให้ภาระตกอยู่ที่รัฐบาลไทยเพียงลำพัง

สุดท้าย เมื่อไทยต้องตัดสินใจส่งตัวพวกเขากลับ ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ทั้ง ๆ ที่ UNHCR เองไม่ได้ให้ความช่วยเหลือที่ควรจะให้


3. ตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นถึง "สองมาตรฐาน" ของ UNHCR

UNHCR มีประวัติที่เลือกปฏิบัติต่อผู้ลี้ภัยจากกลุ่มต่าง ๆ

  • ผู้ลี้ภัยจากยูเครนและซีเรีย: ได้รับการช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว หลายประเทศในยุโรปเปิดรับ และ UNHCR จัดหาที่พักพิงให้
  • ผู้ลี้ภัยจากอัฟกานิสถาน: ได้รับโควตาการตั้งถิ่นฐานใหม่จาก UNHCR และองค์กรระหว่างประเทศอื่น ๆ
  • ผู้ลี้ภัยอุยกูร์: กลับไม่ได้รับความช่วยเหลือใด ๆ จาก UNHCR เพราะเกี่ยวข้องกับจีนที่มีอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมืองสูงมาก

นี่แสดงให้เห็นว่า UNHCR ไม่ได้เป็นองค์กรที่มีมาตรฐานเดียวกันต่อผู้ลี้ภัยทุกกลุ่ม แต่เลือกปฏิบัติตามความสะดวกทางการเมือง


4. ไทยควรทำอย่างไรต่อไป?

  1. อย่าคาดหวังความช่วยเหลือจาก UNHCR

    • ไทยควรตระหนักว่า UNHCR ไม่ได้เป็นกลางอย่างที่ควรจะเป็น และควรพิจารณาจัดการปัญหาผู้ลี้ภัยเอง
  2. ให้ประเทศที่วิจารณ์ไทยมารับผู้ลี้ภัยเอง

    • หาก UNHCR และชาติตะวันตกไม่ต้องการให้ไทยส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจีน พวกเขาควรเสนอตัวรับผู้ลี้ภัยไปดูแลเอง
  3. กำหนดนโยบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับผู้ลี้ภัย

    • ไทยต้องกำหนดแนวทางที่แน่นอนสำหรับผู้ลี้ภัยเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนในอนาคต

สรุป: ไทยเป็น "แพะรับบาป" ที่ถูกด่าโดยองค์กรที่ไม่ช่วยอะไรเลย

กรณีชาวอุยกูร์สะท้อนให้เห็นถึงความลักลั่นของ UNHCR และองค์กรสิทธิมนุษยชนที่เลือกปฏิบัติตามผลประโยชน์ทางการเมือง ไทยถูกบีบให้ต้องแก้ปัญหาผู้ลี้ภัยด้วยตัวเอง แต่พอไทยตัดสินใจ กลับถูกโจมตีจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะจากองค์กรที่เคยปฏิเสธความช่วยเหลือ

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ไทยถูกใช้เป็น "แพะรับบาป" ในประเด็นสิทธิมนุษยชน และอาจไม่ใช่ครั้งสุดท้าย หากไทยยังคงปล่อยให้ UNHCR และมหาอำนาจอื่น ๆ กำหนดชะตากรรมโดยไม่ให้ความช่วยเหลืออย่างเป็นธรรม

UN declined offers to assist Uyghur asylum seekers detained in Thailand

United Nations agency accused of neglecting jailed Uyghurs in Thailand

ถ้าไม่มีผู้รับบุญ แล้วเราทำบุญให้คนตายทำไม?

เคยสงสัยไหมว่า ในเมื่อพุทธศาสนาสอนว่าไม่มีวิญญาณ ไม่มีตัวตนที่ล่องลอย แล้วเหตุใดเรายังทำบุญ “ให้” คนตายกันอยู่ทุกปี? บุญมันส่งไปถึงใคร? หรือ...