วันอังคาร, มิถุนายน 28, 2554

ยิ้มเปลี่ยนโลก...

คุณคิดว่าคุณต้องเป็นคนยิ่งใหญ่แค่ไหน ถึงจะสามารถจะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้? จำเป็นไหมที่จะต้องมีอำนาจ เป็นผู้นำประเทศ หรือมหาเศรษฐี ถึงจะสร้างความแตกต่างให้กับโลกใบนี้ได้ ความเปลี่ยนแปลง ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ ยาก หรือมีมูลค่ามหาศาล เพียงสิ่งเล็กๆ จากหลายๆ หน่วย ที่รวมตัวกันอย่างสอดคล้อง ก็อาจจะก่อให้เกิดสิ่งใหญ่ๆ และส่งผลอย่างยิ่งใหญ่ได้เช่นกัน
ทุกวันนี้เราตื่นมาพร้อมกับความรู้สึกว่าโลกนี้มันเลวร้ายลงทุกวัน แต่ด้วยความจริงว่าโลกนี้ประกอบจากผู้คน โลกจะดีหรือจะไม่ดี ก็เกิดจากผู้คนในโลกนี้นั่นเองที่ร่วมกันทำ มองในแบบที่ว่าโลกใบนี้บรรจุหน่วยของความสุข และหน่วยของความทุกข์อยู่ แทนที่เราจะได้แต่พร่ำบ่นถึงความไม่ดีของโลกและหลับไปด้วยความรู้สึกหมดหวังต่อโลก เราน่าจะเริ่มทำอะไรดีๆ เพื่อเติมหน่วยความสุขให้กับโลกใบนี้จะดีกว่า
            ประเทศไทย เคยได้ชื่อว่า The land of smile หรือ สยามเมืองยิ้ม ชื่อที่คนต่างชาติรู้จักกันดี แต่ทุกวันนี้มองไปทางไหน กลับหารอยยิ้มบนใบหน้าของคนไทยได้ยากเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นเพราะสภาพเศรษฐกิจและการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป ทำให้คนไทยต้องอยู่ในสภาพที่อมทุกข์ และพากันปลดปล่อยบรรยากาศแห่งความทุกข์ออกมารอบๆ ตัว คนสมัยนี้ต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อความสุขชั่วคราว เช่นดูหนัง ฟังเพลง ฯลฯ เราวิ่งหาความสุขแบบดึงเข้าหาตัว เสพสื่อบันเทิงเพื่อให้เกิดความสุขกับตัวเราเพียงเท่านั้น แต่กลับไม่สามารถแบ่งความสุขนี้ให้กับคนรอบข้างได้ หรือได้แบบที่ลำบากสิ้นเปลือง หลงลืมการแบ่งปันความสุขแบบง่ายๆ ที่ทำได้ทันที และฟรีด้วย นั่นคือการ “ยิ้ม”
            การยิ้มทางกายจะส่งผลให้เกิดความสุขทางใจได้ หรือแม้แต่การเห็นคนอื่นยิ้มตัวเราก็พลอยจะมีความสุขไปด้วย และเคยสังเกตไหมว่า รอยยิ้มและความสุขเป็นเหมือนโรคติดต่อ ที่แพร่ไปได้โดยง่าย เพียงแค่เรายิ้ม และคนอื่นมาเห็นเรายิ้ม เขาก็อาจเผลอยิ้มตามไปแบบไม่รู้ตัว นั่นคือเราได้กระจายความสุขให้กับเขาได้สำเร็จแล้ว และถ้าคนๆ นั้น ไปยิ้มให้คนอื่นเห็นอีก รอยยิ้มก็จะแพร่กระจายออกไปแบบทวีคูณ จากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสี่ จากสี่เป็นสิบ เป็นร้อย เป็นพัน ได้โดยไม่ต้องเสียอะไรเลย นอกจากรอยยิ้มอย่างมีความสุขของคนเพียงหนึ่งคน
            เราสามารถเปลี่ยนตัวเอง ให้เป็นเครื่องมือเผยแพร่ความสุขได้ง่ายๆ โดยการเรียกรอยยิ้มและความสุขให้มาอยู่กับเราทุกเช้า เพียงติดภาพรอยยิ้มที่เราชอบหรือคำว่า “ยิ้ม” ไว้บนกระจกบานแรกที่เราจะส่องทุกเช้า เตือนตัวเองให้เริ่มต้นวันด้วยการยิ้มให้กับตัวเองก่อน เรียกพลังแห่งความสุขให้ตัวเอง ปล่อยความเครียดและความทุกข์ให้เป็นของวันที่ผ่านไปแล้ว และสัญญากับตัวเองว่าจะส่งพลังแห่งความสุขนี้ ผ่านรอยยิ้มของตัวเอง ไปยังผู้อื่น อย่างน้อยวันละ 5-10 คน โดยช่วงแรกอาจเริ่มจาก 1-2 คนก่อน และค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามวันที่ผ่านไป โดยยิ้มให้กับคนแปลกหน้าที่บังเอิญสบตากันตอนยืนรอรถโดยสาร ตอนติดไฟแดง ตอนขึ้นลิฟต์ หรือระหว่างเดินไปทำงาน และไม่ลืมยิ้มให้คนที่เรารู้จัก คนที่เราทำงานด้วย เพื่อให้เกิดยิ้มติดต่อกันแพร่ไป และทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนพลังแห่งความสุขให้กันและกันทั้งคนที่รู้จักกัน และไม่รู้จักกัน
            ง่ายๆ เพียงเท่านี้ ก็นับว่าได้สร้างความสุขแบบง่ายๆ ให้กับตัวเองและคนรอบข้างได้แล้ว เป็นการเปลี่ยนสังคมให้มีหน่วยความสุขเพิ่มขึ้นแบบง่ายๆ เริ่มจากตัวเอง ซึ่งอาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปยังสังคมระดับใหญ่ได้แบบไม่รู้ตัว และไม่ต้องลงทุนอะไรมากมายเลย เรามาเพิ่มหน่วยความสุขให้กับโลกใบนี้ด้วยกันเถอะ... 

ง่ายๆ แค่ยิ้ม...


อายุขัยของมนุษย์ในบริบทสมมุติ: 40 ปีถึง 100,000 ปี

การเพิ่มหรือลดอายุขัยของมนุษย์ส่งผลต่อทุกแง่มุมของชีวิต ตั้งแต่ความคิดส่วนบุคคลไปจนถึงวิวัฒนาการของสังคม วัฒนธรรม และเทคโนโลยี ต่อไปนี้คือภา...