ประเทศไทยในตอนนี้... มันไม่ใช่ประเทศที่คนไม่รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิดอีกต่อไป
แต่มันเป็นประเทศที่คน "รู้ทุกอย่าง รู้ดี รู้ทัน" แต่เลือกจะเงียบ เพราะถูกฝังหัวว่า "พูดไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น" และสุดท้ายจะเดือดร้อนตัวเอง
เราเห็นคนโดนทำร้ายกลางถนนต่อหน้าต่อตา ไม่มีใครกล้าห้าม
เราเห็นตำรวจทำเกินกว่าเหตุในคลิปทุกวัน จับคนแบบไม่มีหมาย ยัดข้อหาแบบขาดเหตุผล
เราเห็นนักศึกษาถูกจับเพราะถือป้ายขนาดแค่กระดาษ A4
เราเห็นคนจนโดนป้ายสี โดนยัดยา ขณะที่นักการเมืองกินโต๊ะ โกงชัด ๆ แต่ลอยตัวเหนือระบบกฎหมาย
แต่สุดท้าย... เราก็แค่หลบ แล้วบอกกับตัวเองว่า
"โชคดีจัง ที่ไม่ใช่กู"
นี่คือคำสาปที่ฝังลึกในจิตใต้สำนึกของคนไทยทั้งประเทศมาหลายชั่วรุ่น
ไม่ใช่เพราะเราเลว
ไม่ใช่เพราะเราโง่
แต่เพราะเราโดนฝึกให้ "เฉยไว้เพื่อเอาตัวรอด" มาตั้งแต่เด็ก ถูกสอนว่าการนิ่งคือสันติ และการไม่ยุ่งคือฉลาด
ระบบการศึกษาไม่สอนให้ตั้งคำถามกับสิ่งผิด
ครอบครัวบอกว่าอย่ายุ่งกับการเมือง เดี๋ยวโดนหมายเรียก
ตำรวจทำตัวเหมือนเจ้าชีวิต มีสิทธิ์หยุดคุณตรงไหนก็ได้
ทหารบอกให้รักชาติ แต่ถือปืนขู่ใครก็ตามที่คิดต่าง
ระบบยุติธรรมทำให้คนธรรมดารู้สึกว่า "ไม่ใช่เรื่องของเราหรอก คนชั้นบนเขาจะจัดการกันเอง"
เราถูกฝึกให้มองว่า "ความสงบคือความดี" แม้สงบนั้นจะเกิดจากการเหยียบหัวคนอื่นไว้ใต้เท้า
แม้จะเป็นความสงบที่ต้องแลกกับการยอมจำนนต่อสิ่งผิดและการเสียน้ำตาของคนที่ไม่มีปากมีเสียง
และเมื่อความอยุติธรรมเกิดขึ้นซ้ำ ๆ อย่างเป็นระบบ
คนเริ่มเหนื่อยที่จะรู้สึก
คนเริ่มปิดหูปิดตาเพื่อความสบายใจ
คนเริ่มปลงว่าทำอะไรไม่ได้
จนวันหนึ่งเราไม่เหลือแม้แต่ "ความโกรธ" ให้กับความเลวอีกต่อไป
ลองคิดดูดี ๆ — มันน่ากลัวกว่าการรัฐประหารแบบเอารถถังมาเทียบหน้าทำเนียบ
เพราะรัฐประหารใช้อำนาจแย่งเก้าอี้
แต่ความเฉยชาแย่งหัวใจของประชาชนไปทีละนิด โดยไม่มีใครรู้ตัว ไม่มีเสียงปืน ไม่มีเสียงต้าน มีแค่ความเงียบที่กลบทุกอย่าง
นี่คือประเทศที่นักข่าวกล้าพูดความจริง = โดนฟ้อง โดนขู่ โดนไล่ออก
ที่ประชาชนถามหาความยุติธรรม = โดนคดี โดนดักหน้าโรงพัก
ที่นักเรียนชูสามนิ้ว = โดนครูประณาม โดนพ่อแม่ด่า โดนโรงเรียนลงโทษ
ที่คนออกมาประท้วง = โดนลากเข้าคุกแบบไม่มีใครรับประกันสิทธิ
แต่คนรอบข้างกลับพูดว่า:
"ทำไปทำไม เดี๋ยวก็เหนื่อยเปล่า ไม่ได้อะไรหรอก"
"ยุ่งไปก็เท่านั้น ไม่มีใครฟังเราหรอก"
"อย่าหาเรื่องเข้าตัวเลย อยู่เงียบ ๆ ปลอดภัยกว่า"
เรากลัวเสียงาน
เรากลัวเสียหน้า
เรากลัวเสียเพื่อน
เรากลัวเสียชีวิต
จนเรายอมเสีย "ความเป็นมนุษย์ที่มีศักดิ์ศรี มีความกล้าคิดและกล้าพูด" ไปอย่างช้า ๆ
เราหัวเราะกับมีมด่านักการเมืองในโซเชียล
แต่เราไม่กล้าเดินไปยื่นกระดาษเปล่าต่อหน้ารัฐบาล
เราด่าเผด็จการในวงเหล้า เสียงดังเฉพาะหน้าก๊งเหล้า
แต่เรายังเลือกพรรคที่หนุนรัฐประหาร เพราะคิดว่า "ขอแค่เศรษฐกิจดี ฉันไม่สนเรื่องอื่น"
แล้วเราก็สงสัยว่า ทำไมประเทศนี้ไม่เปลี่ยนซักที
คำตอบคือ: เพราะเราเปลี่ยนไม่ได้ ถ้าเรายังไม่กล้า "รู้สึกแทนคนอื่น"
เพราะความเปลี่ยนแปลงมันไม่เคยเกิดจากคนที่ยักไหล่ใส่ความอยุติธรรม
ประเทศนี้ไม่ใช่ของคนดี ไม่ใช่ของคนชั่ว
ประเทศนี้เป็นของคนที่ "ไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่พูดอะไรเลย และพร้อมจะอยู่ได้กับอะไรก็ได้ ขอแค่ไม่ลำบาก"
และถ้าเรายังยักไหล่ให้กับคนที่ล้มตายเพราะระบบที่เน่า
เราทุกคนก็แค่รอวันเป็นศพถัดไป ที่ไม่มีใครเหลียวแล ไม่มีใครจำชื่อ และไม่มีใครรู้สึกอะไร
ไม่ใช่เพราะเราไม่มีพลัง
แต่เพราะเรา "เลือกที่จะไม่ใช้มันเลย ปล่อยมันตายไปพร้อมกับความกลัวและความเฉยชา"
และถ้าเรายังไม่เปลี่ยนวิธีคิดวันนี้
อนาคตเราก็จะเป็นประเทศที่มีแต่ข่าวเศร้า
เต็มไปด้วยคำว่า “โชคดีที่ไม่ใช่กู”
และจบลงด้วยการไม่มีใครเหลืออยู่เลย ที่กล้าพูดว่า “พอแล้ว”