วันเสาร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2556

ทำไมจึงหยุดเขียน?...


ก็อย่างที่เห็นนะครับ ว่า blog ผมมันร้างไปนานแสนนานมากแล้ว

ลองแวะเข้าไปหา blog ต่างๆ ที่ผมได้ favourite เอาไว้หลายๆ ที่ ก็มีสภาพไม่ต่างกันมากนัก
คือส่วนใหญ่ จะร้าง เลิกเขียนกันไปนาน บางท่านก็หายไปหลายปีแล้วด้วยซ้ำ

แน่นอนล่ะครับว่า แต่ละคนก็ย่อมมีเหตุผลของตนเอง ที่จะทำหรือไม่ทำในสิ่งต่างๆ
รวมถึงการเขียน blog นี้ก็เช่นกัน คนจะเลิกเขียน ย่อมมีเหตุผล

ถ้าให้เดาของท่านอื่น บางท่านก็แต่งงานมีครอบครัว ก็อาจมีเวลาน้อยลง
บางท่านก็อาจจะเติบโตในการงาน จนกระทั่งงานอดิเรกเช่นนี้ดูจะเป็นส่วนเกิน

สำหรับตัวผม ไม่มีอะไรมาก นอกจากคำว่า ไม่พอ และไม่ถึง...

ครับ ผมรู้สึกมาตลอดว่า อยากเขียนให้ดี เขียนให้ถึง ถึงจุดที่เรียกว่ามันดี
ซึ่งเอาเข้าจริงๆ ผมก็ตอบไม่ได้ว่าตกลงที่ว่าดี ตรงไหนมันถึงจะดี

ถ้าดูแบบ life cycle ของ blogger แบบพื้นฐานคือ
เขียนดี -> ดัง -> ได้ออกหนังสือ หรือได้ทำงานอื่นที่มีรายได้จากความสามารถในการเขียน

แต่สำหรับตัวผม แค่คำว่าเขียนดี ผมยังไม่แน่ใจ ดังนี่น่าจะนับว่าห่างไกล
และแน่นอน เป้าหมายว่ามันจะสร้างรายได้ให้ ยิ่งห่างใหญ่

ใช่ครับ ผมไม่ใช่นักเขียนที่รักการเขียนแบบเข้าเส้น
จะเรียกว่า ผมเป็นแค่ blogger แบบ wanna be ก็ได้

ถ้าจะให้เขียนสนุกไปเรื่อยๆ ก็ทำได้ครับ แต่ด้วยธรรมชาติที่เบื่อง่ายเกินไปของผม
ก็ทำให้ ผมรู้สึกว่า ไม่อยากทำผลงานที่มันซ้ำ ย่ำอยู่กับที่นานๆ ขนาดนี้
อยากจะทำให้มันดีขึ้นไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ และเรื่อยๆ

จนในที่สุด ผมก็พบว่า เฮ้.. ผมถึงทางตันแล้วว่ะ
เหมือนว่า ผมมาไกลได้เท่านี้ ไปไกลกว่านี้มันต้องเหนื่อยไปถึงคนอื่นด้วยแน่ๆ

ผมเคยได้รับโอกาสนะครับ เคยได้เขียนอะไรเพื่อหาเงิน
เดาได้ไม่ยากครับ ว่าผมทำมันได้ไม่ดีนัก
เพราะถ้ามันดี ผมคงจะไปทางสายนั้นไปนานแล้ว

ต้องขอโทษพี่ๆ ที่เคยพยายามยื่นโอกาสให้ผมในตอนนั้น...

ผมไม่รู้ว่า เวลาที่ผ่านไป ทำให้ผมเติบโตขึ้นทางการคิดหรือยัง
โลกผมกว้างขึ้นไหม ผมพร้อมจะเขียนอะไรที่มันน่าสนใจหรือเปล่า
เพราะต้องยอมรับในจุดหนึ่งว่า ความรู้ผมน้อยเกินไป ทางเชิงกว้างและเชิงลึก

ผมให้เวลากับการอ่านหนังสือน้อยเกินไป
ทดสอบตัวเองด้วยการเขียนน้อยเกินไป

หรือจริงๆ แล้วคือ ผมไม่เคยพยายามทำอะไรจริงๆ เลยก็เป็นได้ #ทำเสียงแบบคนอวดผีไปด้วยนะ

แต่ด้วยความไม่พอใจในตัวเอง และความดันทุรังที่ไม่พอ
ย่อมส่งผลให้ blog ของตัวผมเอง ร้างไปอย่างที่เห็น

และที่เขียนมาทั้งหมดนี้ ต้องการจะบอกอะไร หรือต้องการอะไร

ไม่รู้ครับ... ไม่รู้จริงๆ 

แค่อยากจะเขี่ยนอะไรแบบไม่เรียบเรียง พิมพ์ไปเรื่อยๆ ตามที่คิด

และไม่รู้ว่า ต่อไปข้างหน้า จะได้เขียนอะไรต่อ ก็ไม่รู้อีกเช่นกันครับ

เพราะผมใช้ชีวิตแบบไม่มีแผนมาตลอด...

ชีวิตคนเรามันยากนะครับ ถ้าต้องวางแผนเอง ไม่มีปัจจัยภายนอกมาช่วยเลย

ผมเห็นชีวิตบางคนราบรื่นและง่ายอย่างประหลาด
ทำงานก็มีคนชวนไป ทำไปก็ย้ายไปตามคนชวน
สุดท้าย ก็มีบ้านมีรถ เลี้ยงลูกเลี้ยงเมียได้ไปซะเฉยๆ...

ชีวิตเป็นเรื่องประหลาดนัก...

ถ้าผมจะเขียนต่อ อาจจะยิ่งหม่นไปกว่านี้ครับ
ถ้าจะจัดประเภทการเขียน... ผมคงเป็น blogger แนวมืดหม่นปนหัวเราะฝืนๆ ล่ะมังครับ

ผมก็ยังอยากหัวเราะให้กับชีวิตได้นะครับ
และยังคงยิ้มให้กับมันในเวลาที่ทำได้เสมอ

จบยังไงดีล่ะครับ...
ถ้าไม่ตัดจบ คงจะพล่ามต่อไปอีก...

จบนะครับ...

สวัสดีครับ...

15 ตัวอย่างการตลาดที่ผิดพลาดของแบรนด์ใหญ่

1. Hoover: โปรโมชั่น "บินฟรี" ที่ล้มเหลว (1992) ที่มา: Hoover ต้องการกระตุ้นยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ตกต่ำในยุโรป จึงเสนอโปรโมชั่น ...