หลายคนอาจไม่เคยได้ยินชื่อ “ปาปัวตะวันตก” หรือถ้าเคยได้ยินก็คงเป็นข่าวรุนแรงผ่าน ๆ แต่ความจริงมันเป็นเรื่องที่ยาวและซับซ้อนกว่านั้นมาก ทั้งอดีตที่เต็มไปด้วยการยึดครอง การขูดรีดทรัพยากรโดยมหาอำนาจ และการสู้รบที่ยังไม่จบจนถึงทุกวันนี้ บางคนเห็นชาวปาปัวเป็น “นักรบเพื่อเอกราช” ที่ต่อสู้เพื่อสิทธิของตนเอง แต่บางคนกลับมองว่าเป็น “กบฏโหดเหี้ยมที่ฆ่าพลเรือน” บล็อกนี้จะเล่าครบทุกด้าน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พร้อมยกเหตุการณ์รุนแรงเป็นตัวอย่างจริง ๆ เพื่อให้คุณลองชั่งใจดูเอง ว่าสุดท้ายคุณจะรู้สึกเกลียด เห็นใจ หรือมองว่าทั้งสองฝ่ายต่างก็ผิดเหมือนกัน
ตอนที่ 1: อดีต – ใครคือชาวปาปัว?
เกาะนิวกินีคือเกาะใหญ่เป็นอันดับสองของโลก (785,753 ตารางกิโลเมตร) ใหญ่กว่ารัฐเทกซัส และเล็กกว่าออสเตรเลียเพียงนิดเดียว ด้านตะวันออกเป็นประเทศปาปัวนิวกินี ส่วนด้านตะวันตกคือ “ปาปัว” ของอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นบ้านของชาวปาปัวดั้งเดิมที่แตกต่างจากคนอินโดนีเซียส่วนใหญ่
-
ต้นกำเนิด: ชาวปาปัวเป็นเชื้อสายเมลานีเซียน (Melanesian) อพยพจากแอฟริกามาอยู่แถวนี้เมื่อ 50,000–60,000 ปีก่อน มานานกว่าชาวชวาหรือมลายูที่เพิ่งมาทีหลังหลายหมื่นปี ลักษณะเด่นคือผิวเข้ม ผมหยิก จมูกกว้าง และ DNA ยังมีร่องรอยของเดเนโซวานอยู่ด้วย
-
ภาษาและศาสนา: พูดกันกว่า 800 ภาษาเล็ก ๆ เยอะที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับพื้นที่ มีความหลากหลายสูง และส่วนใหญ่หันมานับถือศาสนาคริสต์ผสมความเชื่อบรรพบุรุษ แตกต่างชัดจากชาวอินโดที่เป็นมุสลิมส่วนใหญ่
-
การถูกยึดครอง: ช่วงเป็นอาณานิคมของดัตช์ เคยเตรียมมอบเอกราชให้ในปี 1961 มีทั้งธงชาติ “Morning Star” และเพลงชาติเรียบร้อยแล้ว แต่ปี 1963 อินโดนีเซียบุกเข้ายึด โดยอ้างว่าเป็น “มรดกอาณานิคม” จนปี 1969 มีการจัด “ประชามติ Act of Free Choice” ที่ให้หัวหน้าเผ่าเพียง 1,026 คนโหวตแทนคนทั้งเกาะกว่า 800,000 คน ภายใต้แรงกดดันจากกองทัพอินโดนีเซีย ผลคือรวมเข้าอินโด แต่โลกวิจารณ์ว่าการลงคะแนนไม่เสรีเลย
ตอนที่ 2: ความรุนแรงที่กลายเป็นเรื่องปกติ
นับตั้งแต่ถูกผนวกเข้าอินโดนีเซีย ความรุนแรงไม่เคยหายไป ทั้งจากกองทัพที่เข้าปราบปรามและจากกบฏที่ตอบโต้ ผลคือพลเรือนคือผู้รับเคราะห์
เหตุการณ์สำคัญ:
-
1969 – Act of Free Choice: การโหวตที่ถูกมองว่าเป็นการบังคับ
-
1998 – Biak Massacre: ประชาชนรวมตัวชูธง Morning Star ถูกทหารยิง มีผู้เสียชีวิตนับร้อย ศพบางส่วนถูกโยนลงทะเล
-
2014 – Paniai shootings: ทหารยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นที่ออกมาประท้วงการทำร้ายพลเรือน เสียชีวิต 5 คน บาดเจ็บหลายสิบ
-
2018 – Nduga massacre: กบฏ TPNPB บุกสังหารคนงานชวาของบริษัท Istaka Karya จำนวน 25 คน หลังถูกกล่าวหาว่าเป็นสายลับ
-
2021 – Intan Jaya conflict: การปะทะหนัก ทำให้ชาวบ้านหลายพันหนีเข้าป่า กลายเป็นผู้พลัดถิ่น
-
2022 – คดีฆ่าและชำแหละศพ: ทหารอินโดถูกจับหลังฆ่าและหั่นศพชาวพื้นเมือง 4 คนเพื่อปกปิดคดี
-
2023 – Wamena riot: ข่าวลือเรื่องการลักพาตัวเด็ก จุดชนวนจลาจล มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
-
2025 – Yahukimo massacre: กบฏสังหารคนงานเหมืองทอง 15 คน โดยอ้างว่าเป็น “คนนอก”
ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่า ความรุนแรงฝังรากลึกในชีวิตประจำวันของชาวปาปัว
ตอนที่ 3: จะให้แยกประเทศดีไหม?
ทำไมควรแยก:
-
ประชามติ 1969 ไม่แฟร์
-
ชาติพันธุ์ วัฒนธรรม ศาสนาแตกต่างชัดเจนจากชาวอินโด
-
ถูกรีดไถทรัพยากร เช่น เหมืองทอง-ทองแดง Grasberg ที่สร้างรายได้มหาศาล แต่ชาวบ้านกลับยากจน
-
สิทธิมนุษยชนถูกละเมิดมาตลอด
-
มีตัวอย่างติมอร์ตะวันออกที่เคยแยกสำเร็จในปี 2002
ทำไมไม่ควรแยก:
-
อินโดนีเซียยึดหลักบูรณภาพดินแดน
-
เสี่ยงให้ดินแดนอื่น ๆ ในอินโดอยากแยกตาม
-
รัฐบาลลงทุนโครงการพัฒนา เช่น ถนน Trans-Papua และสนามบิน
-
ประชากรผสม คนชวาอพยพเข้ามามากจนกลายเป็นสัดส่วนใหญ่
-
กบฏเองก็ฆ่าพลเรือน ทำให้เสียความชอบธรรม
ถ้าแยกแล้วจะอยู่รอดไหม?
ปาปัวมีประชากรราว 5.4 ล้านบนพื้นที่กว้างใหญ่ แต่ขาดโครงสร้างรัฐและบุคลากรด้านการเมือง เศรษฐกิจพึ่งพาการลงทุนต่างชาติ ถ้าแยกแบบทันทีเสี่ยงล้มเหลวแบบซูดานใต้ แต่ถ้ามี UN ช่วยดูแลการเปลี่ยนผ่าน 5–10 ปี อาจรอดได้แบบติมอร์ตะวันออก
ตอนที่ 4: ใครได้ประโยชน์จากปาปัว?
นี่คือประเด็นที่ทำให้ทุกอย่างซับซ้อน: ทรัพยากรของปาปัว
-
Freeport-McMoRan (สหรัฐฯ): เหมือง Grasberg ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ผลิตทองและทองแดงมหาศาล
-
Rio Tinto (ออสเตรเลีย): เคยถือหุ้นในโครงการเหมือง ก่อนขายต่อให้อินโดนีเซีย
-
จีน: เข้ามาลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เหมืองไม้ และแร่
-
ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้: สนใจด้านพลังงาน ท่าเรือ และก๊าซ
ทุกประเทศและบริษัทใหญ่เข้ามาหาผลประโยชน์จากทรัพยากร แต่ชาวปาปัวเองกลับได้เพียงเศษเสี้ยว
ตอนที่ 5: กบฏ – นักสู้เพื่อเสรีภาพ หรือโจร?
TPNPB มีนักรบแค่ประมาณ 1,000–3,000 คน มีเพียงปืนเบา ธนู และระเบิดแสวงเครื่อง ใช้กลยุทธ์กองโจร คุมป่าได้บ้าง แต่ไม่สามารถควบคุมเมืองใหญ่ สนามบิน หรือท่าเรือ ผลงานหลักคือโจมตีไซต์งาน เหมือง และทหาร ทำให้บริษัทเหมืองหรือโครงการก่อสร้างต้องหยุดชะงัก แต่ไม่สามารถ “ปิดเกาะ” ได้จริง เพราะรัฐควบคุมโครงสร้างพื้นฐานหลัก
เทียบกับ “โจรใต้” บ้านเรา
-
คล้ายกัน: เป็นกลุ่มเล็ก กระจายตัว ใช้กองโจร
-
ต่างกัน: ปาปัวเคยมีธงชาติและการประกาศเอกราช ได้รับการหนุนหลังทางการเมืองจากประเทศแปซิฟิก เช่น วานูอาตู ฟิจิ และมีอัตลักษณ์ชาติพันธุ์-ศาสนาที่ต่างจากชาวอินโดอย่างสิ้นเชิง
ท้ายที่สุด กบฏก็เสี่ยงจะถูกใช้เป็น “หมาก” ของกลุ่มผลประโยชน์ภายนอก รับอาวุธ รับเงิน แต่ต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงแทน
สรุป: ไม่มีใครชนะจริง ๆ
เรื่องของปาปัวไม่ใช่แค่การต่อสู้ของกบฏกับรัฐ แต่มันคือการปะทะของประวัติศาสตร์ อัตลักษณ์ และผลประโยชน์มหาศาล รัฐอินโดนีเซียอาจถูกมองว่ากดขี่ แต่ก็ลงทุนพัฒนา กบฏอาจถูกมองว่าสู้เพื่อเอกราช แต่ก็มีประวัติฆ่าพลเรือนจริง ๆ ทางออกที่ดีที่สุดอาจเป็นการทำประชามติใหม่ภายใต้การกำกับของ UN แต่โอกาสเกิดแทบไม่มี เพราะทรัพยากรที่มีค่ามหาศาลคือเดิมพันที่ไม่มีใครอยากปล่อยมือ
แล้วคุณล่ะ…จะเลือกข้างไหน? จะเกลียดรัฐอินโดฯ ที่ไม่ยอมปล่อย? จะเห็นใจชาวปาปัวที่ต่อสู้? หรือคิดว่าทั้งหมดคือวงจรอุบาทว์ที่ไม่มีทางออก? ฝากไว้ให้คิดกันครับ
อ้างอิง: Wikipedia, Reuters, Human Rights Watch, UN Human Rights Committee, Minority Rights Group