หลายปีที่ผ่านมา คนไทยจำนวนไม่น้อยตั้งคำถามว่า “ทำไมเราต้องสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่ม ทั้ง ๆ ที่ไฟฟ้าสำรองมีเหลือเฟือ?” คำถามนี้ไม่ได้เกิดจากความรู้สึกอย่างเดียว แต่สะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างของระบบพลังงานไทยจริง ๆ การทำความเข้าใจเรื่องนี้จำเป็นต้องมองทั้งที่มา ปัญหาปัจจุบัน และทิศทางอนาคต เพื่อให้เห็นภาพว่าประเทศกำลังเผชิญอะไรอยู่ และกำลังจะเดินไปทางไหน
ไฟฟ้าไทยมาจากไหน
-
ก๊าซธรรมชาติ: แหล่งหลักของไทย ใช้ผลิตไฟฟ้ามากกว่า 60% ของทั้งหมด ปัญหาคือราคาก๊าซผันผวนสูง โดยเฉพาะเมื่อต้องนำเข้า LNG จากต่างประเทศ และแหล่งก๊าซในอ่าวไทยเองก็เริ่มร่อยหรอ การพึ่งพาก๊าซมากเกินไปจึงเสี่ยงทั้งด้านต้นทุนและความมั่นคงระยะยาว
-
ถ่านหินและน้ำมัน: มีสัดส่วนเล็กลงเรื่อย ๆ เพราะแรงต้านด้านสิ่งแวดล้อม มลพิษ และต้นทุนขนส่งที่สูงขึ้น แต่ก็ยังคงมีอยู่ในระบบบางส่วนเพื่อรักษาความหลากหลาย
-
พลังงานหมุนเวียน: โซลาร์ฟาร์ม, ลม, ชีวมวล และชีวแก๊ส เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น แต่ยังไม่ใช่ฐานหลักเพราะปัญหาความไม่เสถียร (ผลิตได้เฉพาะเมื่อมีแดดหรือมีลม) และต้นทุนระบบกักเก็บที่ยังแพง
-
นำเข้าไฟฟ้า: ไทยซื้อมาจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว ที่มีเขื่อนพลังน้ำขนาดใหญ่ ราคาค่อนข้างถูก และช่วยกระจายความเสี่ยงด้านเชื้อเพลิง นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างความร่วมมือระดับภูมิภาคด้วย
ปัญหาพลังงานไทย: พอใช้หรือไม่
-
กำลังการผลิตติดตั้ง: ประมาณ 50,000 เมกะวัตต์
-
การใช้สูงสุด (Peak demand): อยู่ที่ 32,000–34,000 เมกะวัตต์
-
ไฟฟ้าสำรอง: มากกว่า 30% ในขณะที่มาตรฐานโลกอยู่ราว 15%
ตัวเลขเหล่านี้บ่งชี้ว่า “ไฟฟ้ามีเหลือ” แต่ทำไมยังมีการสร้างเพิ่ม? คำตอบคือ…
-
ไม่ใช่ว่าทุกโรงไฟฟ้าพร้อมเดินเครื่องตลอดเวลา – โรงไฟฟ้าบางแห่งเก่า บางแห่งหยุดซ่อม หรือมีต้นทุนเชื้อเพลิงแพงจนไม่ถูกเรียกใช้
-
พื้นที่ผลิต–พื้นที่ใช้ไม่ตรงกัน – บางภาคผลิตไฟได้มาก แต่สายส่งไปยังพื้นที่ใช้ไฟสูงไม่เพียงพอ ทำให้เกิดไฟฟ้าสำรองแบบกระจุกตัว ไม่ได้ใช้จริง
-
ความมั่นคงระยะยาว – หากพึ่งพาก๊าซมากเกินไป เมื่อราคาพุ่งสูงจะกระทบค่าไฟทั้งประเทศทันที
ทำไมยังต้องซื้อไฟฟ้าจากเพื่อนบ้าน
-
ลาว เป็นตัวอย่างสำคัญ มีเขื่อนใหญ่และสามารถผลิตไฟฟ้าพลังน้ำได้ปริมาณมากและราคาต่ำกว่าไทย การนำเข้าไฟจากลาวจึงช่วยให้ระบบไฟฟ้ามีเสถียรภาพและต้นทุนรวมลดลง
-
การซื้อไฟฟ้าข้ามพรมแดนยังถือเป็น ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงพลังงาน หากก๊าซธรรมชาติขาดแคลน หรือราคานำเข้า LNG สูงเกิน ไทยยังมีไฟฟ้าจากเพื่อนบ้านเป็นตัวเสริม
ทำไมต้องมีโรงไฟฟ้าเอกชน (IPP/SPP/VSPP)
-
รัฐบาลไม่สามารถลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าเองได้ทั้งหมด จึงเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามาลงทุนเพื่อลดภาระของ กฟผ.
-
เอกชนลงทุนก่อสร้างเอง แต่รัฐทำสัญญารับซื้อไฟระยะยาว (20–25 ปี) → เป็นการ การันตีรายได้ให้เอกชน ขณะที่ประชาชนต้องแบกรับค่าไฟที่รวมต้นทุนนี้ไปด้วย
-
หลายโครงการเอกชนจึงเกิดขึ้น แม้ดูเหมือนว่าไฟฟ้าในประเทศมีเกินพออยู่แล้ว นี่คือโครงสร้างที่ผูกพันกันระหว่างนโยบาย รัฐ และกลุ่มทุน
ทำไมต้องสร้างเพิ่ม ทั้ง ๆ ที่ไฟฟ้าสำรองเหลือเฟือ
-
นโยบายสิ่งแวดล้อมและภาพลักษณ์ระหว่างประเทศ – ไทยประกาศเป้า Net Zero และ Carbon Neutrality จึงต้องเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน แม้จะทำให้ไฟฟ้าเกินความต้องการก็ตาม
-
กระจายความเสี่ยงเชื้อเพลิง – ลดการพึ่งพาก๊าซธรรมชาติที่ปัจจุบันมีสัดส่วนสูงเกินไป
-
เศรษฐกิจและการลงทุน – เปิดโอกาสให้นักลงทุนเอกชนหมุนเงิน สร้างงาน และดึงเม็ดเงินจากสถาบันการเงินเข้ามาในประเทศ
-
การเมืองและผลประโยชน์ – การสร้างโรงไฟฟ้าเอกชนมักมีผู้ได้ประโยชน์ชัดเจน ทั้งกลุ่มทุนใหญ่และโครงการ CSR ที่กระจายไปยังพื้นที่ก่อสร้าง
แล้วอนาคตจะไปทางไหน
-
ไฟฟ้าสำรองจะยังเกิน: หากรัฐยังเดินหน้ารับซื้อไฟเอกชนโดยไม่ปรับโครงสร้าง ระบบจะมีไฟฟ้าสำรองเกินมาตรฐานต่อไป และค่าไฟบ้านเรือนมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ
-
Grid Constraint: สายส่งกลายเป็นคอขวด หลายพื้นที่ผลิตไฟฟ้าได้แต่ส่งเข้าโครงข่ายหลักไม่สะดวก → จำเป็นต้องลงทุนเพิ่มในระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้าย่อย
-
พลังงานหมุนเวียน: จะเพิ่มสัดส่วนอย่างต่อเนื่อง แต่ความท้าทายคือการกักเก็บพลังงาน (Battery, Pumped Storage) หากแก้ไม่ได้จะเกิดปัญหา “ผลิตเกิน–ใช้ไม่ตรงเวลา”
-
ทิศทางโลก: ประเทศต่าง ๆ จะกดดันให้ไทยเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาด และเลิกพึ่งเชื้อเพลิงฟอสซิล การสร้างโรงไฟฟ้าใหม่จึงยังเลี่ยงไม่ได้ แม้ความต้องการใช้ไฟฟ้าในประเทศจะไม่ได้โตเร็วตามที่คาดหวัง
บทสรุป
ประเทศไทย ไม่ได้ขาดไฟฟ้า แต่สิ่งที่เรากำลังเผชิญคือ ปัญหาเชิงโครงสร้างนโยบายและทิศทางพลังงาน การสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มในช่วงนี้ไม่ใช่เพราะ “ไฟไม่พอ” แต่เพราะต้องการบรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม สร้างความมั่นคงด้านเชื้อเพลิง และขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม หากไม่วางแผนและควบคุมให้ดี การมีไฟฟ้าสำรองมากเกินไปจะทำให้ประชาชนต้องแบกรับค่าไฟแพงขึ้น โดยไม่สอดคล้องกับการใช้จริง
การตั้งคำถามว่า “เราจำเป็นต้องสร้างโรงไฟฟ้าใหม่จริงหรือ?” จึงเป็นการชวนสังคมทบทวนอย่างมีเหตุผล ว่า ไฟฟ้าไทยควรเดินไปทางไหนกันแน่ ไม่ใช่เพียงคำถามเล่น ๆ แต่เป็นโจทย์สำคัญของอนาคตประเทศ