วันจันทร์, กุมภาพันธ์ 02, 2558

ชีวิตในชายผ้าเหลืองของข้าพเจ้า - 4 - ลาสิกขามาแล้วครับ...

ลาสิกขาออกมาแล้วครับ...

ไม่ต้องตกใจว่าเรื่องจะตัดจบสั้นจุ๊ดจู๋เหลือแค่นี้นะครับ
แต่พอดีว่า ลาสิกขา หรือสึกออกจากการเป็นพระมาแล้ว ก็เลยจะขอเขียนถึงความรู้สึกเสียก่อน

ได้บวชระยะสั้นๆ 15 วัน ตามที่ตั้งใจไว้แต่แรกครับ
มีเรื่องที่ได้เรียนรู้มากพอสมควรสำหรับเวลาอันน้อยนิดขนาดนี้

หลังจากสึกกลับมาบ้านแค่วันสองวัน รู้สึกได้ทันทีเลยครับ
ว่าโลกที่เราอาศัยกันอยู่ ชีวิตที่ไม่ได้เป็นสมณะ นั่นวุ่นวายขนาดไหน

เทียบเอาตามความรู้สึกของใจ หรือเรียกว่าจับเอาจากจิตตามภาษาธรรมนั่นแหละครับ
ถึงตอนที่บวชอยู่ จะมีเรื่องมากระทบใจให้กระเพื่อมขึ้นลงอยู่บ้างตามประสา
เพราะยังไง พระก็ยังเป็นคน วัดก็อยู่กับสังคม จะไม่ให้มีอะไรมากระทบวัดเลยก็คงไม่ได้
แต่เทียบแล้ว ยังไงก็ยังนับว่าน้อยเอามากๆ ครับ

เวลามีอะไรเนี่ย เหมือนมีแต่เรื่องที่เบา กระทบแล้ว ก็รู้สึกตัวได้ง่าย
เวลาอารมณ์ส่งผล ก็กำลังน้อย รู้สึกแล้วก็ดับง่าย ไม่เกิดวิบากต่อเนื่องให้ลำบากต่อนัก

ผิดกับตอนกลับมาบ้าน ไหนจะปัญหาการทำมาหากิน ไหนจะปัญหาเรื่องคน ฯลฯ
ล้วนแต่เป็นสิ่งที่กระทบอย่างรุนแรง และต่อเนื่อง พอกระทบแล้ว
ก็เกิดวิบากหรือผลของอารมณ์ตกค้างให้แสบร้อนในอก ปวดหัว
เป็นทุกข์ใจขุ่นมัวไปได้อีกเป็นระยะเวลาพอสมควร

ถ้าเทียบว่า ความสงบของจิตใจเป็นความสุข ก็ต้องบอกตามตรงว่า
การเป็นพระ ที่ปกติคนไทยก็เกรงใจผ้าเหลืองอยู่แล้ว
ไหนจะการวางตัวให้เป็นผู้มักน้อย สะสมน้อย มีจรรยามารยาท และระเบียบวินัย
มันเหมือนเราอยู่ในอีกโลกที่เกือบทุกอย่างมันเป็นระเบียบ คาดเดาได้ง่าย ปลอดภัย

แค่นี้ก็พอเข้าใจได้ว่า ทำไมความเป็นสมณะ ถึงมีความสุขได้ง่ายกว่าคฤหัสถ์...

ถ้าศึกษาให้ดี ทำให้ถูกต้อง อยู่ในที่อันสมควร
ท้าให้ไปลองเลยครับ ต่อให้ไม่ใช่วัดที่เน้นทางปฏิบัติธรรมเต็มที่
แค่ขอให้เป็นวัดที่พระถือพระวินัย มีความเข้าใจความเป็นพระ
ถ้าได้บวช แล้วจะเข้าใจด้วยตัวเอง ว่าความสุขที่ผมพูดถึงไป หมายถึงอะไร...